
รีวิว Pokemon ไฟร์เรดลีฟกรีน เกมภาครีเมค ปี 2004
- Good Day's
- 66 views
รีวิว Pokemon ไฟร์เรดลีฟกรีน จากปี 2004 เกมโปเกมอนภาคต่อ และเป็นเกมภาครีเมค ของเกมในบทความ รีวิวเกม Pokemon รูบี้แซฟไฟร์ ที่เปิดตัวให้เล่นในปี 2002 ที่ผ่านมา แนะนำเกมน่าเล่น จากบริษัทผู้ผลิต Game Freak กับ Nintendo ที่จะพาผู้เล่น กลับเข้าสู่รากฐานเกมโปเกมอนแบบแท้จริง
เกมโปเกมอน ภาค Ruby&Sapphire ของแฟรนไชส์โปเกมอน เป็นเกมที่ปูทางให้โลกของมอนสเตอร์เหล่านี้ ก้าวเข้าสู่ยุค Game Boy Advance ได้อย่างมั่นคง และในอีกไม่กี่ปีถัดมา ก็ได้มีการพัฒนาตัวเกมภาครีเมคใหม่ออกมาให้เล่น อย่างเกมโปเกมอน ภาคไฟร์เรดแอนด์ลีฟกรีน (7 กันยายน 2025) [1]
โดยตัวเกมภาคไฟร์เรดลีฟกรีน ถูกวางตัวให้เป็นการพาผู้เล่นหวนคืนสู่รากเหง้าที่แท้จริง ของการเล่นเกมในซีรีส์ ด้วยการรีเมคเกมภาค Red&Blue จากบทความ รีวิวเกม Pocket มอนสเตอร์บลู ที่เคยสร้างตำนานไว้ตั้งแต่ปี 1996
เกมโปเกมอน ภาค FireRed กับ LeafGreen ถูกสร้างขึ้นโดยบริษัทเกมฟรีค ร่วมกับบริษัทนินเท็นโด เป็นเกมที่เกิดขึ้นมา เพื่อทำหน้าที่รีเมคเกมภาคเก่าในแฟรนไชส์ และเปิดวางจำหน่ายที่ญี่ปุ่น ในเดือนมกราคม ปี 2004 ก่อนขยายไปยังอเมริกา ในเดือนกันยายน กับยุโรป ในเดือนตุลาคม ปีเดียวกัน
จุดประสงค์หลักของการพัฒนาเกม คือการนำเกมภาคคลาสสิก อย่างภาค Red&Blue มาปรับการเล่นให้เข้ากับเทคโนโลยีใหม่ ของเครื่องเล่น GameBoy Advance ถือเป็นครั้งแรก ที่แฟรนไชส์เกมโปเกมอน ได้มีการรองรับการแลกเปลี่ยนวิธีการเล่น ด้วยการสามารถเล่นได้แบบไร้สาย (14 สิงหาคม 2025) [2]
แม้จำนวนผู้ใช้งานจริง จะไม่สูงมากนัก แต่ถือว่าเป็นการเพิ่มศักยภาพด้านมัลติเพลเยอร์ ไปอีกขั้น นอกจากนี้ยังมีการเชื่อมต่อกับ Pokemon Colosseum เพื่อให้สามารถแลกเปลี่ยนมอนสเตอร์ภายในเกมได้ ระหว่างเครื่องเล่นแบบพกพา กับเครื่องเล่นเกมคอนโซลบ้าน
เกมโปเกมอนภาคนี้ ยังคงรากฐานเกมแนว RPG เอาไว้เช่นเดิม ที่มีให้เล่นมาตั้งแต่ปี 1996 แต่ถูกปรับโฉมใหม่ทั้งหมด ให้สามารถเล่นได้บนเครื่องเล่น GameBoy Advance ในปี 2004 โดยผู้เล่นจะยังคงเริ่มต้นจากการผจญภัย ในภูมิภาค Kanto และต้องสะสมแบดจ์ จาก Gym Leader ทั้ง 8 คน
แต่ความแตกต่าง คือทุกระบบการเล่น จะถูกยกระดับขึ้นด้วยกลไกของการเป็นเกม Generation III ทั้ง Abilities, Natures และ Double Battles ทำให้โปเกมอนรุ่นแรก ๆ ที่ผู้เล่นคุ้นเคย เป็นตัวละครที่มีความซับซ้อน และปรับตัวละครให้ดูสมดุลมากขึ้น กว่าตอนอยู่บนเครื่อง GameBoy แบบภาพขาวดำ
และสิ่งที่ถือว่าเป็นคอนเทนต์ใหม่ ภายในเกมนี้ ก็คือ Sevii Islands จำนวน 7 เกาะ ซึ่งจะเปิดให้ผู้เล่นสำรวจ หลังจบการเล่นเกมหลัก เกาะเหล่านี้ ไม่เพียงเพิ่มเส้นทาง และภารกิจพิเศษ แต่ยังทำหน้าที่เชื่อมโยงโปเกมอนเข้าด้วยกัน
เมื่อทำความเข้าใจกับพื้นฐานการเล่น และเข้าใจแล้วว่าเกมโปเกมอน ภาคไฟร์เรดกับลีฟกรีนนี้ เป็นมากกว่าการรีเมคทั่วไปแล้ว สิ่งที่จะพาทำความเข้าใจต่อมา คือเกมภาคนี้มีอะไรที่โดดเด่น กว่าเกมภาคก่อนหน้า และผู้เล่นกับนักวิจารณ์ในยุคนั้น มองเกมภาคนี้เป็นอย่างไร
การมองจุดเด่นของระบบ กับคอนเทนต์ใหม่ ควบคู่ไปกับกระแสตอบรับที่ได้รับกลับมา อาจจะทำให้เห็นชัดว่าเกมโปเกมอน ภาคไฟร์เรดแอนด์ลีฟกรีน มีจุดเด่นอะไรบ้าง ที่ยังคงทำให้มีผู้คนพูดถึงกันอยู่ ในปัจจุบัน
สิ่งที่ทำให้เกมภาคนี้ แตกต่างจากการเป็นแค่เกมรีเมค ทั่วไป คือการผสมผสานระหว่างความคลาสสิก กับเทคโนโลยีใหม่เข้าด้วยกัน โดยผู้เล่นจะได้กลับสู่ภูมิภาค Kanto ที่เต็มไปด้วยโปเกมอนดั้งเดิมมากมาย กว่า 151 ตัว แต่ครั้งนี้ทั้งหมดถูกนำเสนอ ด้วยระบบของเกมเจเนอเรชันที่ 3 (2025) [3]
ซึ่งหมายถึงโปเกมอนที่คุ้นเคย จะกลับมาพร้อมกับระบบ Abilities, Natures และ Double Battles ที่ช่วยเพิ่มความกว้างของเนื้อหาหลัก ในเกม การกลับไปยังเส้นทางเดิมเหล่านี้ จึงไม่ใช่แค่การให้ผู้เล่นเล่นเกมภาคซ้ำ แต่เป็นการเรียนรู้โลกเก่า ด้วยเครื่องมือใหม่ ที่มีใช้บนเครื่องเล่นเกมบอยแอดวานซ์
และอีกหนึ่งจุดแข็งของเกมภาคนี้ ที่เห็นได้ชัดเจน คือเกาะใหม่ ทั้ง 7 แห่ง ที่ถูกเพิ่มเข้ามา หลังจบเนื้อเรื่องหลัก เกาะเหล่านี้ ไม่เพียงขยายแผนที่ แต่ยังทำหน้าที่เชื่อมโปเกมอน จากเกาะต่าง ๆ เข้าด้วยกัน
ยอดขายของเกมโปเกมอน ภาคไฟร์เรดกับลีฟกรีนที่ได้รับกลับมา นับว่าประสบความสำเร็จสูง โดยเกมทำยอดรวมได้กว่า 12 ล้านชุดทั่วโลก ซึ่งถือว่าเหนือกว่าการเป็นภาครีเมคแบบปกติ และยังติดอันดับท็อปของเกม บนเครื่องเล่นเกมบอยแอดวานซ์ การกลับมาของ Kanto ในเวอร์ชันทันสมัย
พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าผู้เล่นยังโหยหาความทรงจำ จากเกมภาคแรก แต่ก็ต้องการระบบที่สอดคล้อง กับยุคสมัยใหม่ เสียงจากนักวิจารณ์โดยรวมราว ๆ 80% ชี้ไปในทิศทางเชิงบวก หลายสำนักยกย่องการอัปเกรดกราฟิก เพลง และระบบใหม่ที่ทำให้ภาคนี้ ดูสดใหม่ แม้จะอิงจากโครงเรื่องเดิมก็ตาม
เกม Poktmon FireRedandLeafGreen คือการรีเมคครั้งใหม่ ที่พิสูจน์ว่าความคลาสสิก ยังสามารถกลับมาครองใจผู้เล่นได้ ด้วยยอดขายกว่า 12 ล้านชุดทั่วโลกนี้ เป็นการตอกย้ำความสำเร็จ ที่ผู้ผลิตต้องการนำเสนอแนวการเล่นแบบเดิม ๆ บนเครื่องเล่นเกมที่มีระบบการเล่นที่ใหม่ยิ่งกว่า
ข้อดีเกมภาคนี้ คือการนำภูมิภาคคันโต และนำเอาเหล่าโปเกมอนยุคดั้งเดิม จำนวน 151 ตัว กลับมา และยกระบบภาพกราฟิกเกม ให้เข้ากับเกมเจเนอเรชันที่ 3 ในแฟรนไชส์ ที่ดูทันสมัยยิ่งขึ้น ช่วยให้เกมที่คุ้นเคยมีมิติใหม่ ในการเล่น รวมถึงการรีเมคครั้งนี้ ตอบโจทย์ทั้งผู้เล่นเก่า และผู้เล่นใหม่ได้อย่างลงตัว
ข้อเสียสำคัญ คือเนื้อเรื่องหลักยังคงใกล้เคียงกับเกมภาค Red&Blue ปี 1996 มากเกินไป จนผู้เล่นบางส่วนรู้สึกว่ากำลังได้เล่นเกมเดิม แม้จะมีการเพิ่มระบบการเล่นใหม่ ๆ เข้ามา แต่ก็อาจไม่เพียงพอ สำหรับคนที่คาดหวังความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ของตัวเกมในแฟรนไชส์โปเกมอน