
เรื่องน่ารู้ของ แบนดี้ กติกา และต้นกำเนิด ที่ยังเป็นที่ถกเถียง
- Pink Panther
- 144 views
แบนดี้ กติกา หนึ่งในกีฬาที่ได้รับความนิยมในยุโรป โดยเฉพาะประเทศที่ถูกปกคลุมไปด้วยน้ำแข็ง เมื่อฤดูหนาวมาถึง จึงทำให้กีฬาประเภทนี้ ได้รับความสนใจอย่างมาก โดยเฉพาะประเทศที่บอกว่า “แบนดี้” เป็นกีฬาที่มีต้นกำเนิดมาจากตนเอง ที่ยังคงเป็นข้อถกเถียง มาจนถึงปัจจุบัน
แบนดี้ กติกา หรือที่หลายคนอาจรู้จักในชื่อ ฮอกกี้น้ำแข็ง 11 ต่อ 11 เนื่องจากแต่ละทีม จะมีสมาชิกทั้งหมด 11 คน และเป็นการแข่งขันกันบนพื้นน้ำแข็ง ที่มีขนาดเท่ากับสนาม ฟุตบอล และใหญ่กว่าสนาม ฮอกกี้น้ำแข็ง ซึ่งจะมีประวัติความเป็นมา และกฎกติกา ที่น่าสนใจอย่างไร ตามไปดูกันได้แล้ว ด้านล่างนี้
แบนดี้ หรือ “Bandy” ถือเป็นกีฬาที่มีต้นกำเนิดไม่ค่อยแน่ชัด และกลายเป็นที่ถกเถียงกันอย่างมาก โดยเฉพาะในประเทศแถบยุโรป จนกระทั่ง ได้มีการจัดการแข่งขันขึ้น ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของอังกฤษ ช่วงกลางคริสต์ศตวรรษที่ 19 ที่ถือเป็นต้นกำเนิดของแบนดี้สมัยใหม่
หลังจากแต่ละประเทศ ได้มีการออกมาพูดถึง หลักฐานการมีอยู่ของกีฬา ที่คล้ายกับแบนดี้ อาทิเช่น ภาพเขียนบนผนังถ้ำในอียิปต์ ซึ่งแสดงให้เห็นว่ามีการเล่นกีฬา ที่คล้ายกับแบนดี้ เมื่อ 4,000 ปีก่อน รวมไปถึง คำว่า “แบนดี้” เป็นชื่อที่มีต้นกำเนิดมาจากภาษาเวลส์ ซึ่งมีความหมายว่า “ไม้โค้ง”
ทำให้ สมาคมแบนดี้แห่งชาติ (National Bandy Association: NBA) ได้ถูกก่อตั้งขึ้นที่ประเทศอังกฤษ ในปี ค.ศ. 1891 ซึ่งเป็นองค์กรที่ทำหน้าที่กำกับดูแลกีฬาแบนดี้ และพัฒนากฎกติกาอย่างเป็นทางการ สำหรับกีฬาชนิดนี้ ก่อนที่กีฬาแบนดี้ จะได้รับความนิยมไปทั่วยุโรป ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1955
ที่มา: Learn More About Bandy [1]
กีฬาแบนดี้ หรือ ฮอกกี้บนน้ำแข็ง เป็นกีฬาที่มักจะเล่นในฤดูหนาว จากการแข่งขันกันระหว่างทีม 2 ทีม โดยแต่ละทีมจะมีสมาชิก ทั้งหมด 11 คน ซึ่งจะสวมรองเท้าสเกต เพื่อรับส่งลูกบอล ไปตามพื้นน้ำแข็งขนาดใหญ่ และใช้ไม้ที่มีลักษณะโค้งงอ ส่งลูกเข้าไปยังประตูของฝ่ายตรงข้าม เพื่อทำคะแนน
การนับคะแนน
การนับคะแนนจะเริ่มต้นขึ้น เมื่อลูกบอลเคลื่อนไปข้างหน้า และมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ทำประตูได้มากกว่า ในเวลาที่กำหนด ซึ่งจะถูกแบ่งออกเป็น 2 ช่วง ช่วงละ 45 นาที และจะมีเวลาพักให้ไม่เกิน 15 นาที หากผลออกมาเสมอกัน จะไม่มีการเพิ่มเวลา และเกมจะจบลง โดยไม่มีผู้ชนะนั่นเอง
อุปกรณ์
ที่มา: Bandy – Quick Guide [2]
การแข่งขันกีฬาระดับนานาชาติครั้งแรก ได้เริ่มต้นขึ้นตั้งแต่ทศวรรษแรก ของศตวรรษที่ 20 จากการแข่งขันกระชับมิตร ระหว่างทีมชาติจากบางประเทศในยุโรป ที่ไม่ว่าจะเป็น เอสโตเนีย ฟินแลนด์ นอร์เวย์ และสวีเดน ที่ยังคงมีการจัดการแข่งขันอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะน่าสนใจอย่างไร ตามไปดูกัน
การแข่งขันแบนดี้ชิงแชมป์โลก จะถูกแบ่งออกเป็น การแข่งขัน Bandy World Championship สำหรับประเภทชาย ที่จัดขึ้นโดย สหพันธ์แบนดี้นานาชาติ (Federation of International Bandy: FIB) ซึ่งจะถูกจัดขึ้นทุก 2 ปี นับตั้งแต่ปี ค.ศ. 1961 ก่อนจะเปลี่ยนแปลง และถูกจัดขึ้นทุกปี นับตั้งแต่ปี ค.ศ. 2003
ในขณะที่ การแข่งขันชิงแชมป์โลกหญิง หรือ “Women’s Bandy World Championships” ได้ถูกจัดขึ้นครั้งแรก เมื่อปี ค.ศ. 2004 ที่เมืองลาเปินรันตา ประเทศฟินแลนด์ โดยประเทศที่สามารถคว้าแชมป์ไปได้ ก็คือ สวีเดน ที่ต่อมา รัสเซีย ได้เป็นฝ่ายชนะสวีเดน เป็นครั้งแรก ทำให้สวีเดนไม่สามารถคว้าแชมป์โลกไปได้
ที่มา: Bandy [3]
เนื่องจากแบนดี้ เป็นกีฬาที่มีลักษณะการเล่นคล้าย ๆ กับฮอกกี้น้ำแข็ง จากการใช้ไม้ส่งลูกบอลเข้าไปยังประตูของฝ่ายตรงข้าม บนพื้นน้ำแข็งที่เย็น และลื่น ดังนั้น ประโยชน์ที่นักกีฬาจะได้รับ จึงเป็นสิ่งที่กีฬาทั้งสองชนิดนี้มีเหมือนกัน ซึ่งจะประกอบไปด้วยอะไรบ้าง ตามไปดูกันได้แล้ว ดังนี้
คลิกเพื่ออ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ ที่ thaiapply
สรุป แบนดี้กติกา กีฬาที่หลายคนเชื่อว่า เป็นบรรพบุรุษของฮอกกี้น้ำแข็ง จากต้นกำเนิดที่ยังเป็นข้อถกเถียง จึงทำให้แต่ละประเทศทางฝั่งยุโรป ออกมาเปิดเผยถึงหลักฐานการมีอยู่ ที่ไม่ว่าจะเป็น รัสเซีย สวีเดน ไอซ์แลนด์ เนเธอร์แลนด์ อังกฤษ และเวลส์ ที่ต่างก็มีกิจกรรมที่คล้ายแบนดี้มายืนยัน
หากพูดถึงประเทศที่เล่นแบนดี้เก่งที่สุด ทั้งประเภทชาย และประเภทหญิง ก็คือ สวีเดน และรัสเซีย ซึ่งทั้งสองประเทศนี้ เป็นประเทศที่ได้ก่อตั้งลีกแบนดี้มืออาชีพขึ้นมา และคาดว่ารัสเซีย จะมีผู้เล่นแบนดี้มากกว่า 1 ล้านคน จึงทำให้แบนดี้ ถูกบันทึกว่า เป็นกีฬาประจำชาติของ รัสเซีย (อย่างไม่เป็นทางการ)
เดิมกีฬาแบนดี้ มีชื่อว่า “ฮอกกี้บนน้ำแข็ง” และเพื่อป้องกันความสับสนกับ “ฮอกกี้น้ำแข็ง” กีฬาชนิดนี้จึงถูกเรียกว่า แบนดี้ ตั้งแต่ต้นศตวรรษที่ 20 เป็นต้นมา ซึ่งถ้าหากกล่าวถึงในประเทศรัสเซียแล้ว แบนดี้จะถูกเรียกว่า “ฮอกกี้รัสเซีย” ซึ่งจะมีกฎกติกา ที่ต่างไปจากฮอกกี้น้ำแข็ง อย่างสิ้นเชิง