แหล่งรวมเกมส์ชั้นนำ สล็อต คาสิโน บาคาร่า พร้อมระบบล้ำทันสมัย รวดเร็วทันใจ

แนะนำโปเกมอน รุ่นสอง สาม เกมภาคต่อของตำนานโปเกมอน

แนะนำโปเกมอน รุ่นสอง สาม

แนะนำโปเกมอน รุ่นสอง สาม ที่เปิดตัวระหว่างปี 1999 ถึงปี 2005 จำนวน 5 เกม ที่ทำให้ผู้เล่นได้สัมผัสมิติใหม่ของการผจญภัย กับรู้จักการใช้กลยุทธ์ในการเล่นใหม่ ๆ ของแฟรนไชส์เกมโปเกมอน อย่างเกม Gold and Silver จาก รีวิว Pokemon โกลด์ซิลเวอร์ ในบทความก่อนหน้านี้

  • การเล่นเกม และการเล่าเรื่องราว ทั้ง 2 เจเนอเรชัน
  • ข้อดี และข้อเสียเกมโปเกมอน Generation 2 กับ 3

แนะนำโปเกมอน รุ่นสอง สาม การเล่นกับเรื่องราวของเกม

หลังจากเกมในเจเนอเรชันแรก ได้ปูรากฐานให้แฟนเกมทั่วโลก ให้รู้จักกับการจับ, การเทรด และการต่อสู้ของเหล่าโปเกมอนในเกมแล้ว ก้าวต่อมาของซีรีส์เกมแฟรนไชส์ Pokemon คือการสร้างเกมเจเนอเรชันที่สองกับสามใหม่ ที่เปิดตัวให้เล่นในช่วงปี 1999 จนถึงปี 2005 (7 กันยายน 2025) [1]

โดยเกมทั้ง 2 เจเนอเรชันนี้ ไม่เพียงแต่เพิ่มจำนวนโปเกมอนในเกม ที่มีอยู่จาก 151 สู่ 386 ตัว แต่ยังเพิ่มระบบใหม่ ๆ ที่เปลี่ยนโฉมการเล่น เช่นระบบกลางวันกลางคืน, การเพาะพันธุ์ และระบบ Double Battle เข้าไปเพิ่มเติม

พื้นฐานการเล่นเกม Pokemon เจเนอเรชันสองและสาม

เกมภาคแรกของเจเนอเรชัน 3 คือเกม Pokemon Gold&Silver ที่เปิดตัวให้เล่นในปี 1999 บนเครื่องเล่น Game Boy Color สิ่งที่โดดเด่น คือการเพิ่มระบบกลางวันกลางคืน และเพิ่มจำนวนโปเกมอนใหม่ อีก 100 ตัว ทำให้จำนวนโปเกมอน ในเกมมีอยู่ทั้งหมด 251 ตัว

กับระบบเพาะพันธุ์ที่ถูกใส่เข้ามา เพื่อช่วยให้ผู้เล่นสร้างโปเกมอนของตัวเอง ที่มีท่าต่อสู้ หรือมีค่าสเตตัสเฉพาะทางได้ และนอกจากนี้ ยังเพิ่มการเทรดเข้ามา เพื่อช่วยให้ผู้เล่น เข้าถึงมอนสเตอร์ที่ไม่มีได้ง่ายยิ่งขึ้น ซึ่งเป็นแกนหลักของการสะสมโปเกมอนให้ครบ ตามจำนวนที่ตัวเองต้องการ

ทำให้การเล่นซับซ้อนกว่าเดิม และยังมีระบบ Double Battle ที่ให้ส่งโปเกมอน 2 ตัวออกมาต่อสู้พร้อมกันได้ ถือว่าเป็นการพลิกกลยุทธ์การเล่นครั้งสำคัญ ในประวัติศาสตร์แฟรนไชส์เกมโปเกมอน ที่สร้างความสดใหม่ให้แฟน ๆ รุ่นเก่ากับรุ่นใหม่ ในเวลาต่อมา

การเล่าเรื่องราวของเกม ทั้ง 2 Generation

แนะนำโปเกมอน รุ่นสอง สาม

เนื้อเรื่องเกมโปเกมอน เจเนอเรชันสอง ผู้เล่นจะได้เริ่มต้นที่ภูมิภาค Johto โดยให้ออกเดินทาง พร้อมเป้าหมายการเป็นโปเกมอนมาสเตอร์ เช่นเคย แต่สิ่งที่น่าสนใจใหม่ คือการกลับมาเยือนภูมิภาค Kanto หลังจบเกมหลัก ทำให้เจเนอเรชัน 2 นี้ มีเนื้อหามากเป็นพิเศษ และ Team Rocket ยังคงเป็นกลุ่มตัวร้าย

ที่ผูกโยงกับเรื่องราว ในเกมโปเกมอน ของปี 2000 ยิ่งเป็นการเพิ่มสีสันให้กับการเล่นเกม ด้วยการเพิ่มตัวละครหญิงให้ผู้เล่นเลือกเล่น และใส่รายละเอียดเหตุการณ์ใหม่ ๆ เพิ่มลงไป หลังจากเกมขยับมาที่เจเนอเรชันที่ 3 เรื่องราวในเกมภาค Ruby & Sapphire จะพาผู้เล่นเข้าสู่ Hoenn (27 สิงหาคม 2025) [2]

ที่มี Team Magma และ Team Aqua เป็นศัตรูหลัก โดยทั้ง 2 ฝ่ายมีเป้าหมายขัดแย้งกัน ทำให้เส้นเรื่องซับซ้อนกว่าเดิม ซึ่งในเกมภาค Emerald ปี 2004 จากบทความ รีวิวเกม Pokemon เอเมอรัลด์ เป็นเกมที่รวมทั้ง 2 เส้นเรื่องเข้าด้วยกัน พร้อมกับเสริมระบบ Battle Frontier เข้าไปในเกม (2025) [3]

ข้อดีข้อเสีย ของเกมโปเกมอนเจเนอเรชันสอง กับสาม

เมื่อเข้าใจระบบการเล่นกับเส้นเรื่องหลักของเกม เจเนอเรชันที่สองและสามแล้ว สิ่งที่จะพาทำความเข้าใจต่อมา คือเกมเหล่านี้ มีจุดแข็งกับจุดอ่อนต่างกัน อย่างไร เพราะแต่ละเจนไม่เพียงเพิ่มฟีเจอร์ใหม่เข้าไปในเกม เพื่อให้ตัวเกมดูน่าสนใจ เพียงอย่างเดียว

การมองเห็นข้อดี และข้อเสีย จึงเป็นกุญแจสำคัญที่จะทำให้เข้าใจว่าเหตุใด ซีรีส์เกมโปเกมอน ถึงยังสามารถพัฒนา กับดึงดูดผู้เล่นได้อย่างต่อเนื่อง แม้จะเผชิญกับข้อจำกัดเชิงเทคนิค และการออกแบบก็ตาม

ข้อดีของเกมโปเกมอน ทั้ง 2 เจเนอเรชัน

เกมโปเกมอน เจเนอเรชันสอง มีจุดเด่นที่ชัดเจน คือการขยายโลกให้กว้างขึ้น ด้วยการเพิ่มภูมิภาค Johto และการที่ผู้เล่นสามารถกลับไปเยือน Kanto ได้ หลังจากจบเนื้อหาเกมหลัก ถือเป็นครั้งแรก ที่ผู้เล่นจะได้สัมผัส 2 ภูมิภาค ในเกมเดียว อีกทั้งยังเพิ่มโปเกมอนใหม่อีก 100 ตัว รวมเป็น 251 ตัว

และระบบกลางวันกลางคืนที่เชื่อมโยง กับเวลาจริง ทำให้การเล่นมีมิติ กับความสมจริง มากกว่าเกมเจเนอเรชันแรกที่ผ่านมา โดยฟีเจอร์อย่างการเพาะพันธุ์โปเกมอน เป็นฟีเจอร์เสริมที่ทำให้ผู้เล่น สามารถคิดกลยุทธ์การเล่นระยะยาวได้ จนได้รับคำชื่นชมว่าเป็นการต่อยอดที่ลงตัวที่สุด

สำหรับเกม Generation ที่ 3 มีข้อดีคือการก้าวเข้าสู่ยุคเครื่องเล่น Game Boy Advance ที่ทำให้กราฟิกมีสีสัน และมีการปรับเปลี่ยนด้านเสียงที่ดีขึ้น อย่างชัดเจน รวมถึงการต่อสู้แบบ DoubleBattle ทำให้กลยุทธ์ซับซ้อนขึ้นมาก

ข้อเสียที่เห็นได้ชัด ของเกมทั้ง 2 Generation

แนะนำโปเกมอน รุ่นสอง สาม

เกมเจเนอเรชัน 2 มีข้อเสีย คือข้อจำกัดของเครื่องเล่นเกม ที่ทำให้ภาพกราฟิกไม่สมจริง และความเร็วของเกม ยังค่อนข้างช้า เมื่อเทียบกับ RPG อื่น ๆ ที่เล่นในช่วงปลายยุค 1990 อีกทั้งการเทรด รวมถึงการต่อสู้กับเพื่อน ยังต้องพึ่งพาสายลิงก์เหมือนยุคแรก ทำให้ผู้เล่นบางส่วนรู้สึกว่าการเล่น ยังถูกจำกัด

และสำหรับเกมเจเนอเรชัน 3 แม้จะพัฒนาหลายด้าน แต่ก็ตัดขาดการเชื่อมต่อกับเกมเจเนอเรชันที่สอง โดยผู้เล่นไม่สามารถย้ายโปเกมอน จาก GameBoy Color มายัง GameBoy Advance ได้ ทำให้แฟนเกมบางส่วนผิดหวัง เพราะทีมที่สร้างไว้ก่อนหน้านี้ ไม่สามารถนำมาเล่นต่อได้อีก

รวมถึงยังมีระดับความยากที่สูง จนมีผู้เล่นเพียง 1% เท่านั้น ที่สามารถเคลียร์ด่านต่าง ๆ ได้ทั้งหมด ตามข้อมูลเกมในยุคนั้น ซึ่งสะท้อนถึงความท้าทายที่อาจไม่เหมาะ กับผู้เล่นทั่วไป

บทสรุป แนะนำเกมภาคต่อ ของตำนานโลกโปเกมอน

เกมโปเกมอน เจเนอเรชันที่สองกับสาม แสดงให้เห็นว่าเกมซีรีส์นี้ ไม่ได้หยุดอยู่แค่การสานต่อความสำเร็จ แต่ยังกล้าทดลองระบบใหม่ ที่กลายเป็นมาตรฐานในอนาคต แม้จะมีข้อจำกัด เช่นความเร็วของเกม หรือการตัดการเชื่อมต่อ ระหว่าง Gen 2 และ Gen 3 ก็ตาม

สิ่งที่ผู้เล่นควรทำความเข้าใจ ก่อนเล่นเกมคืออะไร?

ก่อนเล่นเกมเหล่านี้ ควรรู้ก่อนว่าเกมเหล่านี้ คือเกมที่เกิดขึ้นในยุคของ GameBoyColor แม้จะมีการเพิ่มระบบกลางวันกับกลางคืน หรือเพิ่มโปเกมอนใหม่ ๆ เข้าไป แต่ก็ยังมีข้อจำกัด ในเรื่องของการเล่นเกม เช่นการมีภาพกราฟิกที่ไม่สมบูรณ์ หรือการที่เกมทั้ง 2 เจเนอเรชัน ไม่สามารถเชื่อมต่อกันได้

เกมโปเกมอน เจเนอเรชันสองกับสาม เหมาะกับใครบ้าง?

เกมโปเกมอนเจเนอเรชันสองกับสาม เหมาะกับผู้เล่นที่อยากสัมผัสเกมภาคต่อ ที่เชื่อมโยง Johto กับ Kanto ในเกมเดียว และอยากเห็นการขยายระบบ จากรุ่นแรก สู่เกมรุ่นที่สองกับสาม รวมถึงยังเหมาะกับคนที่อยากทดลองใช้กลยุทธ์ใหม่ ๆ หรืออยากลองระบบใหม่ ๆ ที่ในตัวเกมภาคก่อนหน้าไม่มี

Facebook
Twitter
Telegram
LinkedIn
ข้อมูลผู้เขียน

แหล่งอ้างอิง