แหล่งรวมเกมส์ชั้นนำ สล็อต คาสิโน บาคาร่า พร้อมระบบล้ำทันสมัย รวดเร็วทันใจ

เจาะลึก กังฟู ศิลปะการต่อสู้ชื่อดังของจีน

เจาะลึก กังฟู

เจาะลึก กังฟู การต่อสู้ที่มีความเป็นมายาวนานมากกว่า 5,000 ปี ที่ได้รับการพัฒนาเป็นกีฬา เป็นศิลปะการต่อสู้ ที่มีท่าทางมาจาก การจำลองทางกายภาพของสัตว์ต่าง ๆ เพื่อนำมาปรับใช้เป็น ท่าทางในการโจมตี และการป้องกันตัวเอง เป็นศาสตร์การต่อสู้อีกหนึ่งประเภท ที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย

  • กังฟู คืออะไร
  • ท่าพื้นฐานในการฝึกกังฟู
  • เคล็ดลับการฝึกกังฟู สำหรับมือใหม่

ศิลปะการต่อสู้ “กังฟู” คืออะไร

กังฟูเป็นศิลปะการต่อสู้ของประเทศจีน ที่ได้มีการพัฒนารูปแบบการต่อสู้มากกว่าหนึ่งศตวรรษ โดยมีการแบ่งแยกรูปแบบการต่อสู้ ตามลักษณะทั่วไป โดยเรียกว่า “เจีย”, “พ่าย” หรือ “เหมิน” ซึ่งมีความหมายโดยรวมว่า สำนักหรือกลุ่ม [1]

ศิลปะการต่อสู้ประเภทนี้ เกี่ยวข้องกับการจำลองทางกายภาพของสัตว์ หรือการออกกำลังกาย ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากปรัชญาจีน ตำนาน และศาสนา โดยมุ่งเน้นไปที่ด้านพลังงาน การจัดการแบบเป็นระบบภายใน

ต่อมาได้มีการพัฒนาวิชากังฟูให้กลายเป็นกีฬา จนในปัจจุบัน กังฟูที่เราพบเห็นส่วนมาก จะเป็นพวก ไท้เก๊ก รำพัด หรือไม่ก็เป็นแค่การออกกำลังกายยามเช้า ของผู้สูงอายุเท่านั้น

จุดเริ่มต้นกังฟู ในประเทศไทย

กังฟูเป็นคำศัพท์ ที่มาจากภาษาจีนกวางตุ้ง ที่แปลว่า ความสามารถอันมาจากความฝึกฝน นิยมถูกนำไปใช้เรียกมวยจีน จึงทำให้คำว่ากังฟู หมายถึงมวยจีน ซึ่งในสมัยก่อน ในแต่ละถิ่นจะมีคำเรียกชื่อศิลปะการต่อสู้เป็นของตัวเอง แต่คำว่ากังฟูนั้น ได้รับความนิยมมากที่สุด

สำหรับประเทศไทย ได้รับอิทธิวิชากังฟู มาจากชาวจีนที่อพยพเข้ามาสู่ประเทศไทย ตั้งแต่ในอดีตโบราณ โดยในสมัยก่อนนั้น ได้มีการสอน และถ่ายทอดทักษะกังฟู ให้เฉพาะในกลุ่มลูกหลานคนจีน จึงยังไม่ค่อยเป็นที่นิยมและแพร่หลาย

ปัจจุบันคนไทยเรา รู้จักวิชากังฟูแค่ การรำมวยจีนเพื่อสุขภาพเท่านั้น ยังไม่สามารถเรียนรู้ และเข้าถึงทักษะ และเนื้อหาสาระเกี่ยวกับกังฟู ที่มีรายละเอียดลึกไปมากกว่านี้ จนวิชากังฟู ได้รับการพัฒนาเข้าสู่ระบบกีฬา จึงเป็นการเปิดโอกาสให้คนไทยเรา ได้เรียนรู้เกี่ยวกับกังฟู ในระดับที่ลึกมากขึ้น

ที่มา: ศิลปะการต่อสู้ “กังฟู” คืออะไร มีประโยชน์อย่างไร [2]

ศิลปะการต่อสู้กังฟูพื้นฐาน

  • กังฟูเส้าหลิน
    ศิลปะการต่อสู้ ที่มีต้นกำเนิดมาจาก วัดเส้าหลิน ของประเทศจีน ซึ่งเป็นศิลปะการต่อสู้กังฟู ที่มีชื่อเสียงเป็นอันดับหนึ่งในโลก ที่ได้รับความนิยม โดยจะเน้นการฝึกฝนร่างกาย เพื่อเสริมสร้างความแข็งแรง เพิ่มความยืดหยุ่น และความคล่องตัว รวมไปถึงเทคนิคการต่อย เตะ การบล็อก และการใช้อาวุธประกอบ เป็นศิลปะการต่อสู้ที่มีความลึกซึ้งทางด้านจิตวิญญาณ
  • วิงชุน
    ศิลปะการต่อสู้ที่ได้รับความนิยมจาก บรูซ ลี ซึ่งมีความโดดเด่นในเรื่องความเรียบง่าย ประสิทธิภาพ และเทคนิคการต่อสู้ระยะประชิด โดยการต่อสู้ประเภทนี้ จะเน้นการเคลื่อนไหวของแขนและขา ที่รวดเร็วและแข็งแรง เน้นการใช้เทคนิคในการโจมตีมากกว่ากำลัง เหมาะสำหรับการฝึกฝนความสามารถทางร่างกาย
  • ไท้เก๊ก
    ศิลปะการต่อสู้อีกชนิดหนึ่ง แต่มักจะถูกมองว่าเป็นการทำสมาธิมากกว่า ซึ่งการฝึกไท้เก๊กนั้น มีประโยชน์ต่อร่างกายอย่างลึกล้ำ ช่วยเพิ่มสมดุล ร่างกายเกิดความยืดหยุ่น ลดความเครียด โดยวิธีการฝึกที่มีความโดดเด่น คือ การเคลื่อนไหวแบบช้า ๆ แต่มีความต่อเนื่อง เพื่อให้ผู้ฝึกสามารถควบคุมพลังงาน และสร้างพื้นฐานที่มั่นคง สำหรับการต่อสู้ขึ้นมาได้
  • วูซู่
    กีฬาสมัยใหม่ ที่ได้รับการอิทธิพลและการพัฒนามาจาก กังฟูแบบดั้งเดิม ซึ่งกีฬาชนิดนี้ จะเน้นการกายกรรม และการเคลื่อนไหวที่คล่องตัว โดยมีการใช้ร่วมกับเทคนิคการตี การทุ่ม และการใช้อาวุธประกอบ ถือเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่มีความน่าตื่นเต้น และจำเป็นต้องใช้ร่างกายเป็นอย่างมากในการฝึกฝน
  • ป๋าวจ่าง
    ศิลปะการต่อสู้ประเภทนี้ จะเน้นการเคลื่อนไหว หลบหลีก และการยืมกำลังของคู่ต่อสู้ ในการต้านทานแรงโจมตี เป็นศิลปะการต่อสู้ที่เน้นปรัชญาในเชิงปรัชญา โดยผู้ฝึกฝนจะต้องให้ความสำคัญกับ การปรับตัวและการเคลื่อนไหว เป็นหลัก เป็นกิจกรรมที่ช่วยปรับปรุงระบบหัวใจ และหลอดเลือดให้เกิดความสมดุล และทำงานอย่างประสานกัน เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด

หาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ 5 Essential Kung Fu Styles for Beginners to Know ได้ที่ martialartswa

แนะนำท่าสำหรับ ฝึกกังฟูพื้นฐาน

เจาะลึก กังฟู
  • ท่าม้า
    เป็นท่าสำหรับใช้ในการฝึกหมัด หรือเพิ่มความแข็งแรงของขาและหลัง เพื่อฝึกความอดทน ทำให้รู้สึกมั่งคง โดยท่านี้ ผู้ฝึกจะต้องยืนในท่า ก้าวขาซ้ายไปด้านหน้า โดยให้ระยะห่างระหว่างเท้า เท่ากับความกว้างกว่าไหล่เล็กน้อย เป็นท่าที่มั่นคง และมีจุดศูนย์ถ่วงต่ำ
  • ท่าธนู
    เป็นท่าที่ใช้ในการเคลื่อนตัวไปข้างหน้า และสร้างฐานที่มั่นคง โดยท่านี้น้ำหนักจะอยู่ที่ขาหน้า โดยที่เข่าหน้าจะงอเล็กน้อย และขาหลังเหยียดตรง หากมองจากด้านข้าง ท่านี้จะมีลักษณะคล้าย คันธนูที่ดึงออกมา จึงเป็นที่มาของชื่อท่านั่นเอง
  • ท่าแมว
    เป็นท่าที่ใช้ในการเคลื่อนไหวแบบเปลี่ยนผ่าน โดยน้ำหนักทั้งหมด จะเน้นไปที่ขาหลัง ส่วนขาหน้าวางอยู่บนนิ้วเท้า โดยเท้าหน้าจะมีลักษณะคล้ายกับอุ้งเท้าแมว ที่กำลังยื่นเพื่อเดินไปข้างหน้า ซึ่งจะต้องมีความเบาและไม่มีน้ำหนัก โดยท่านี้ผู้ฝึกสามารถให้เป็นท่าเริ่ม ก่อนที่จะก้าวไปท่าอื่น หรือเพื่อเตะคู่ต่อสู้
  • ท่าพักเท้า
    ท่านี้เท้าของผู้ฝึกเท้าหน้า จะหันออกด้านนอก ส่วนเท้าหลังจะวางอยู่บนอุ้งเท้า เป็นท่าที่ใช้เพื่อก้าวไปข้างหน้า หรือถอยหลัง เพื่อเปลี่ยนตำแหน่งของร่างกาย
  • ท่ายืนต่ำ
    ผู้ฝึกจะยืนอยู่ในลักษณะของท่าม้า แต่ต้องถ่ายน้ำหนักทั้งหมดไปที่ขาข้างเดียว โดยจะต้องย่อตัวลงให้ต่ำที่สุด เพื่อใช้ในการหลบหลีกจากการโจมตีที่สูง การโจมตีด้วยเข่า ข้อเท้า และการกวาด

ที่มา: Kung Fu Stances [3]

ประโยชน์ของการฝึกฝนกังฟู

  • สร้างความแข็งแรงให้ร่างกาย
    ในการฝึกฝนศิลปะการต่อสู้กังฟูนั้น ผู้ฝึกจำเป็นต้องใช้อวัยวะแทบทุกส่วนของร่างกาย ในการงอและเหยียดตัว การหมุนรอบเป็นวงจร การฝึกการทรงตัว จึงทำให้ร่างกายทุกส่วน ได้ทำงานอย่างประสานกัน ช่วยสร้างสุขภาพโดยรวมที่ดี
  • ใช้ป้องกันตัว
    การฝึกกังฟูนั้น นอกจากผู้ฝึกจะได้ประโยชน์ในด้านร่างกายที่ดีขึ้นแล้ว ยังเป็นการเรียนรู้ เทคนิคการต่อสู้ และการป้องกันตัว ที่สามารถนำไปใช้ได้จริง ในสถานการณ์ฉุกเฉิน
  • เป็นศาสตร์ และศิลป์ ที่ช่วยเพิ่มความบันเทิง
    ศิลปะการต่อสู้แบบกังฟู เป็นการแสดงออกในเชิงศิลป์ เอกลักษณ์เฉพาะตัวของท่าทาง ช่วยสร้างความรื่นรมให้กับผู้รับชม ให้ความรู้สึกถึงความกล้า ความดุดัน การปะทะ ที่ก่อให้เกิดความเพลิดเพลิน

เคล็ดลับกังฟู สำหรับผู้เริ่มต้นใหม่

สำหรับผู้ที่ต้องการฝึกฝนกังฟูเส้าหลิน ในระดับผู้เริ่มต้นใหม่ ควรศึกษาถึงข้อมูลพื้นฐาน ชี่กงแบบดั้งเดิม กระบวนท่าเส้าหลินฉวนสั้น ๆ นั่นคือ ท่าการใช้อาวุธ 1 ท่า ท่าการต่อสู้ 1 ท่า รวมถึงควรศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับ ไท้เก๊ก เพื่อเป็นการสร้างรากฐานก่อนเริ่มการฝึกฝนให้มั่งคงเสียก่อน

หลังจากนั้น เมื่อผ่านการฝึกฝนในระดับแรกไปแล้วสักระยะหนึ่ง ผู้ฝึกสามารถขยับระดับการฝึกขึ้นเป็น การฝึกกังฟูระดับกลางหรือขั้นสูงขึ้นได้ โดยการเลือกเรียนปาจี้ ซิงอี้ ปาเกว หรือตั๊กแตน เพื่อเป็นการฝึกพื้นฐาน การต่อสู้หนึ่งท่า ท่าอาวุธหนึ่งท่า และชี่กง

ทั้งนี้ผู้ฝึกฝน สามารถเปลี่ยนชั้นเรียนได้ หลังจากที่ได้ทดลองการฝึกไปแล้วมากกว่า 3 วัน เพื่อตัดสินใจว่า ผู้ฝึกมีความเชี่ยวชาญ หรือข้อจำกัดในร่างกายต่อการฝึกมากน้อยเพียงใด เมื่อตัดสินใจได้แล้ว จึงจะเริ่มเข้ารับการฝึกอย่างจริงจัง ในชั้นเรียนที่ได้ตกลงเลือก พร้อมกับการนำอาวุธต่าง ๆ เข้ามาประยุกต์ใช้ และกระตุ้นการสัมผัสด้วยชี่กง

กล่าวโดยสรุป เจาะลึก กังฟู

กล่าวโดยสรุป เจาะลึก กังฟู เป็นบทความที่ได้อธิบายเกี่ยวกับ ต้นกำเนิดของศิลปะการต่อสู้กังฟู ที่เกิดขึ้นจากการเลียนแบบท่าทางของสัตว์ การเรียนรู้ข้อมูลพื้นฐาน เทคนิคของท่าทาง และการเลือกศิลปะการต่อสู้ป้องกันตัวที่เหมาะสมกับตัวเอง เพื่อให้เกิดประโยชน์ที่มากที่สุด ทั้งด้านร่างกาย และจิตใจของตัวผู้ฝึกฝน

คำว่ากังฟู หมายถึงอะไร?

กังฟูเป็นคำที่มาจากภาษาจีนกวางตุ้ง ที่มีความหมายว่า ความสามารถที่มาจากการฝึกฝน

กังฟูเป็นศิลปะการต่อสู้ ที่เหมาะกับใคร?

ศิลปะการต่อสู้กังฟู เป็นศาสตร์การต่อสู้ ที่เหมาะกับคนทุกเพศ ทุกวัย เนื่องจากสามารถเริ่มฝึกจากพื้นฐานง่าย ๆ ก่อนแล้วค่อยประระดับชั้นในการฝึกไปถึงขั้นสูงสุด

Facebook
Twitter
Telegram
LinkedIn
ข้อมูลผู้เขียน

แหล่งอ้างอิง