
อิงลิชเซตเตอร์ หายากไหม ในไทย ดูสถิติ ราคา โอกาสเป็นเจ้าของ
- Pet Noi
- 130 views
อิงลิชเซตเตอร์ หายากไหม ในเมืองไทย คำถามนี้อาจดูเรียบง่าย แต่คำตอบกลับซับซ้อนกว่าที่คิด ทั้งในเชิงจำนวน ความนิยม และต้นทุนการเป็นเจ้าของ สุนัขนักล่าผู้เปี่ยมเสน่ห์ จากอังกฤษตัวนี้ แทบไม่มีให้เห็น ในชีวิตประจำวันของคนไทย แล้วอะไรคือปัจจัย ที่ทำให้มันกลายเป็น “ของหายาก”
จากข้อมูลของสมาคมพันธุ์สุนัขในไทย พบว่า ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา แทบไม่มีการจดทะเบียน อิงลิชเซตเตอร์ใหม่เลย ขณะเดียวกัน ฐานข้อมูลระดับโลกอย่าง The Kennel Club ก็ไม่ปรากฏชื่อฟาร์มในไทย ที่เพาะพันธุ์สายพันธุ์นี้ จำนวนสุนัขที่มีอยู่ จึงน่าจะอยู่ในระดับ “หลักหน่วย” หรืออาจน้อยกว่านั้น
ตามฐานข้อมูลของสมาคม (KCTH) ซึ่งรายงานภาพรวมทั้งประเทศ ไม่มีการระบุจำนวนนำเข้า อิงลิชเซตเตอร์โดยเฉพาะ ในช่วงหลายปีล่าสุด นอกจากนี้ รายงานจาก FCI (สมาคมสุนัขนานาชาติ) ก็ไม่พบข้อมูลว่า มีการจดทะเบียนอิงลิชเซตเตอร์ในไทย เป็นลำดับเฉพาะสายพันธุ์ (2025) [1]
เมื่อไม่มีตัวเลขสายพันธุ์อย่างชัดเจน สามารถตีความได้ว่า จำนวนน่าจะอยู่ในระดับหลักหน่วย หรืออาจต่ำกว่านั้น ความเงียบของตัวเลข บวกข้อมูลจากสมาคมสะท้อนว่า อิงลิชเซตเตอร์ไม่ใช่พันธุ์ที่มีการติดตาม ในระบบจดทะเบียน และนั่นยิ่งบอกได้เลยว่า อิงลิชเซตเตอร์เป็นหมาหายากในไทย
ปัจจุบัน ยังไม่มีรายชื่อฟาร์มในไทย ที่ระบุว่าทำการเพาะพันธุ์ “อิงลิชเซตเตอร์” โดยตรง ฟาร์มพันธุ์สุนัขในไทยส่วนมาก มีการจดทะเบียนกับ FCI แต่ข้อมูลของฟาร์ม ที่เลี้ยงอิงลิชเซตเตอร์นั้น ไม่มีการบันทึกไว้ใน ฐานข้อมูลสาธารณะ
ทั้งจากเครือข่ายแฟนพันธุ์แท้ในไทย และเว็บไซต์นำเข้าสุนัขต่าง ๆ ก็ไม่ปรากฏเคสเพาะพันธุ์สายนี้ ในประเทศอย่างชัดเจน ดังนั้น จึงวิเคราะห์ได้ว่า ในไทยอาจไม่มีฟาร์ม ที่เลี้ยงอิงลิชเซตเตอร์ อย่างเป็นทางการเลย หรือถ้ามีก็น้อยมาก จนไม่ปรากฏในฐานข้อมูล
ภาพรวมนี้ยิ่งตอกย้ำว่า อิงลิชเซตเตอร์ในไทย จัดเป็นสายพันธุ์ที่ “หายาก” จริง ๆ และแม้แต่ผู้เลี้ยงมืออาชีพ ก็แทบไม่พบตัวที่เพาะพันธุ์ในประเทศ เหมือนกันกับสุนัข นอร์เวย์ ลุนเดฮุนด์ หายาก ก็เป็นอีกหนึ่งสายพันธุ์ ที่หายากมาก ๆ ในไทยเช่นกัน
ในปี 2024 – 2025 หากนำเข้าอิงลิชเซตเตอร์ จากต่างประเทศ ราคาพื้นฐานของลูกสุนัข สายพันธุ์นี้ เริ่มต้นประมาณ 1,500 – 2,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว ๆ ห้าหมื่นถึงหกหมื่นห้าพันบาท) (28 เมษายน 2024) [2] ทั้งนี้ ในไทย ยังไม่มีรายงานเคสการขาย หรือประกาศนำเข้าอย่างเป็นทางการ
จึงไม่ได้มีราคาไทยเฉพาะเจาะจง เมื่อรวมค่าอื่น ๆ อาทิเช่น ค่ากักตัว, ค่าวัคซีน, ค่าดำเนินการนำเข้า คาดว่าต้นทุนเบ็ดเสร็จ อาจแตะ 70,000 – 80,000 บาท หรือมากกว่านั้น นั่นหมายความว่า สำหรับคนไทย อาจต้องเตรียมงบเริ่มต้นกว่า หกหมื่นถึงเจ็ดหมื่นบาทขึ้นไป ก่อนวางแผนจริงจัง
ถ้าอยากครอบครองอิงลิชเซตเตอร์ในไทย แบบถูกกฎหมาย ต้องเตรียมงบประมาณราว ๆ 80,000 – 120,000 บาท ต่อ 1 ตัว โดยแบ่งออกได้คร่าว ๆ ดังนี้
แม้จะไม่มีภาษีนำเข้าจากสุนัขส่วนตัว แต่ขั้นตอนทั้งหมดนี้ ใช้ต้นทุนสูงกว่าการซื้อสุนัขทั่ว ๆ ไปหลายเท่า และนั่นเป็นเหตุผลสำคัญ ที่อิงลิชเซตเตอร์แทบไม่ปรากฏ ในตลาดสัตว์เลี้ยงของไทย
แม้จะไม่มีสถิติชัดเจนจากสมาคมในไทย แต่จากการค้นหาข้อมูล ในกลุ่มคนรักสุนัข และฟอรั่มต่างประเทศ คล้าย ๆ กับเว็บบอร์ดที่มีกระดานสนทนา เอาไว้ให้พูดคุยกันเรื่องสุนัข รวมถึงเรื่องอื่น ๆ ในรูปแบบข้อความ (15 กรกฎาคม 2025) [3]
พบว่า มีคนไทยบางราย เคยนำเข้าอิงลิชเซตเตอร์มาเลี้ยง อย่างไรก็ตาม หลายเคสไม่สามารถปรับตัว กับสภาพอากาศร้อนชื้นในไทย ได้ดีนัก ส่งผลให้สุขภาพทรุดง่าย และมีปัญหาด้านผิวหนัง นอกจากนี้ ความต้องการพื้นที่กว้าง บวกการออกกำลังกายอย่างต่อเนื่อง
ก็ทำให้ไม่เหมาะกับบ้านเมือง ที่มีพื้นที่จำกัด บางคนจึงตัดสินใจส่งกลับประเทศเดิม หรือต้องหาบ้านใหม่ ที่เหมาะสมกว่าให้กับน้อง สิ่งเหล่านี้สะท้อนว่า แค่มีเงินซื้อ อาจยังไม่พอสำหรับการดูแล สายพันธุ์ที่ซับซ้อนเช่นนี้ ในระยะยาว
ด้วยคำถามที่ว่า อิงลิชเซตเตอร์ หายากไหม เมื่อดูทั้งจำนวนจดทะเบียน ฟาร์มในประเทศ ราคานำเข้า และกรณีคนเลี้ยงจริง คำตอบคือ อิงลิชเซตเตอร์เป็นสุนัข ที่หายากที่สุดในไทย ไม่ใช่แค่เพราะตัวน้อย แต่เพราะเงื่อนไขการเลี้ยง ที่ไม่เหมาะกับบริบทบ้านเรา พวกมันจึงเป็นสุนัขที่ “มีเงินก็อาจเลี้ยงไม่ได้”
ตัวเลขสะท้อนความหายากก็จริง แต่เบื้องหลังนั้นคือ ปัจจัยเชิงโครงสร้าง ทั้งอากาศที่ไม่เหมาะ ระบบนำเข้าสัตว์ที่ยุ่งยาก และพื้นที่เลี้ยงที่ไม่ตอบโจทย์ เมื่อรวมกับความไม่คุ้นชื่อ ในสังคมไทย จึงแทบไม่มีความต้องการ สุดท้าย ความหายากจึงไม่ได้เกิดจากราคา แต่เกิดจากสภาพแวดล้อมที่ไม่เอื้อด้วย
อิงลิชเซตเตอร์อาจไม่ใช่สุนัข ที่ใครก็เลี้ยงได้ แต่สำหรับบางคน มันอาจเป็น “ตัวที่ใช่” ที่รอคอยอยู่ หากทาสหมามีทั้งความเข้าใจ พื้นที่ และเวลาพอจะให้กับมัน คำถามจึงไม่ใช่แค่ว่า “จะหามาได้ไหม” แต่คือ “เราพร้อมจะเปลี่ยนเพื่อมันไหม” เพราะหมาหายาก อาจต้องการเจ้าของที่ “พิเศษ” พอ ๆ กัน