
อัฟกันฮาวด์ ราคาเท่าไร หมาพันธุ์หรูตัวนี้ แพงแค่ไหนกันแน่ ?
- Pet Noi
- 132 views
อัฟกันฮาวด์ ราคาเท่าไร ถึงจะเรียกว่าสมฐานะ หมาพันธุ์หรูขนยาวสะบัด แม้หลายคนจะหลงใหล ในเสน่ห์ลุคคุณชาย คุณหนูของมัน แต่ราคากลับไม่ใช่เรื่องเบา ทั้งค่าตัว ค่าขนส่ง และการดูแลระยะยาว บล็อกนี้จะพาไปดูว่า “แพงแค่ไหนถึงจะคุ้ม” กับหมาสายแฟสุดพิเศษตัวนี้
ด้วยคำถามที่ว่า อัฟกันฮาวด์ ราคาเท่าไร โดยสุนัขสายพันธุ์นี้ถือเป็นหนึ่งในพันธุ์ ที่มีราคาพื้นฐานสูงที่สุด ในกลุ่มสุนัขนักล่า ในปี 2024 – 2025 ราคาลูกสุนัขจากฟาร์มมาตรฐาน ในสหรัฐฯ อยู่ที่ประมาณห้าหมื่น ถึงเก้าหมื่นบาท ราคานี้ยังไม่รวมค่าขนส่ง และค่าใช้จ่ายแฝงอื่น ๆ ที่ตามมา
หากนำเข้าอัฟกันฮาวด์ จากฟาร์มในต่างประเทศ ราคานำเข้าทั้งหมดอาจแตะระดับ หนึ่งแสนถึงหนึ่งแสนห้าหมื่นบาท ขึ้นไป ราคาสุนัขพื้นฐานอยู่ที่ 50,000 – 90,000 บาท แล้วแต่สายพันธุ์ และชื่อเสียงของฟาร์ม ค่าขนส่งทางอากาศ สำหรับสายการบินสัตว์เลี้ยง อาทิเช่น Qatar Airways
หรือ Lufthansa อยู่ที่ 15,000 – 30,000 บาท รวมถึงค่ากล่องเดินทาง ค่าจัดการเอกสาร ค่าประกันภัยอีกหลายพันบาท ในบางกรณีอาจต้องจ่ายค่ากักตัว หรือค่าธรรมเนียมสนามบิน เพิ่มเติมอีกเล็กน้อย แม้ไม่มีภาษีนำเข้า สำหรับสัตว์เลี้ยงส่วนตัว แต่ขั้นตอนทั้งหมดนี้ ใช้ต้นทุนสูงพอ ๆ กับซื้อรถมือสอง
ในตลาดไทย ข้อมูลจาก Website ซื้อขายสุนัขมือสอง อย่าง ENNXO ระบุสายพันธุ์อัฟกันฮาวด์ มีประกาศขายในช่วงราคา 80,000 – 100,000 บาท (2015 – 2025) [1] เมื่อเทียบกับราคาจากฟาร์มต่างประเทศ ที่มักอยู่ในช่วง 1,000 – 2,500 ดอลลาร์สหรัฐ
(ประมาณสามหมื่นห้าพัน ถึงเก้าหมื่นบาท) พบว่าในไทยราคามักสูงกว่า ช่วงราคาตลาดโลก ทั้งในแง่ความพร้อมของสัตว์ และความซับซ้อนของการนำเข้า ราคาที่สูงกว่าในไทย อาจมาจากต้นทุนการขนส่ง การหาแหล่งพันธุ์ การดูแลหลังขาย และตลาด Niche
ตลาดเฉพาะของกลุ่มทาสหมา หรือกลุ่มอื่น ๆ ที่ต้องการบางสิ่งบางอย่าง แบบเฉพาะทาง (09 มีนาคม 2023) [2] ดังนั้น แม้ราคาค่าตัว Afghan Hound ในไทย จะดูใกล้เคียงกับต่างประเทศ แต่ความต่างจริงอยู่ที่ “ต้นทุนเบื้องหลัง” ที่ลับอยู่ในแต่ละตัวต่างหาก
Afghan Hound เหมาะกับคนที่มีความอดทน และไลฟ์สไตล์ ใส่ใจการดูแลอย่างละเอียด อาทิเช่น การหวีขน และอาบน้ำสม่ำเสมอ อีกทั้งต้องเป็นคนที่พร้อมให้เวลา ออกกำลังกายอย่างต่อเนื่อง เพราะสายพันธุ์นี้ต้องการวิ่ง หรือเดินประมาณ 1 – 2 ชั่วโมงต่อวัน เนื่องจากเป็นสุนัขขนาดกลางถึงใหญ่
นอกจากนี้ ต้องเข้าใจก่อนว่า อัฟกันฮาวด์เป็นสายพันธุ์ ที่รักอิสระ ไม่สนุกกับการถูกสั่งคำสั่งซ้ำ ๆ จึงไม่เหมาะกับมือใหม่ หรือคนที่ต้องการหมาเชื่อฟังง่าย ๆ แต่เหมาะกับคนที่มีประสบการณ์ บวกคนที่มีเวลาใช้หวี หรือพาไปตัดแต่งเส้นขน ให้ดูสวยงามตลอดเวลา (2025) [3]
อัฟกันฮาวด์เป็นสุนัขนักล่าจากภูเขาสูง ที่ถูกพัฒนามาเพื่อการวิ่งไกล และเคลื่อนไหวอย่างอิสระ พื้นที่ที่เหมาะสม ควรมีสนามวิ่ง หรือสวนในรั้วบ้าน ที่กว้างอย่างน้อย 50 – 100 ตารางเมตร ขึ้นไป ไม่แนะนำให้เลี้ยงในคอนโด หรือบ้านแคบ ๆ เพราะอาจทำให้สุนัขเกิดความเครียด
และปลดปล่อยพลังงานไม่พอ เหมือนกันกับสายพันธุ์ สุนัขคาริเลียน แบร์ ด็อก หมานักล่าที่ไม่เหมาะจะเลี้ยง ในพื้นที่เล็ก ๆ หากคนเลี้ยงไม่มีสนามที่บ้าน ควรมีเวลาพาออกไปวิ่งทุกวัน อย่างน้อย 1 – 2 ชั่วโมง ในพื้นที่โล่ง อาทิเช่น สนามหญ้า สนามกีฬา หรือ Dog Park เป็นต้น
อัฟกันฮาวด์ไม่ใช่หมา ที่เหมาะกับทุกคน เพราะนอกจากจะสวยเฉพาะตัวแล้ว ยังมีนิสัยที่ “เฉพาะกลุ่ม” เจ้าของที่เหมาะควรเป็นคนใจเย็น อดทน และไม่ยึดติดกับความเชื่อว่า “หมาต้องเชื่อฟังทุกคำสั่ง” เพราะอัฟกันฮาวด์มีนิสัยรักอิสระ
และไม่ค่อยตอบสนอง ต่อการฝึกแบบเคร่งครัด เจ้าของต้องพร้อมใช้เวลาอาบน้ำ หวีขน และดูแลสุขภาพผิวหนังเป็นประจำ มีวินัยในการพาออกกำลังกายทุกวัน แม้ในวันที่เหนื่อย หรืออากาศไม่เป็นใจ ต้องเป็นคนที่ยอมรับความ “ขนร่วงทั่วบ้าน”
และเห็นว่ามันเป็นราคา ที่คุ้มค่าต่อความงาม ที่สำคัญคือ ต้องไม่คาดหวังว่า อัฟกันจะมาเลียหน้า และนอนซบตลอดเวลา เพราะมันคือหมาที่สงวนท่าที เจ้าของที่เข้าใจ “ความสง่างามในแบบของมัน” จะได้สัมผัสเสน่ห์ลึก ๆ ที่คนทั่ว ๆ ไปไม่มีวันเข้าใจ
Afghan Hound ไม่ใช่สุนัขที่วัดความคุ้ม ได้จากแค่ราคาค่าตัวของน้อง เพราะต้นทุนที่แท้จริง อยู่ที่ “เวลา ความเข้าใจ และการปรับตัวของเจ้าของ” สำหรับคนที่พร้อมให้ทั้งหมดนั้น ค่าตัวหลักแสนก็อาจถือว่าคุ้ม อย่างไม่มีเงื่อนไข ก็มีความเป็นไปได้
ราคาที่จ่ายไปสะท้อนมากกว่าแค่ “ความหรู” แต่มันคือการตัดสินใจยอมเปลี่ยนวิถีชีวิต เพื่อใครบางตัว มันแสดงถึงความตั้งใจ, ทุน, เวลา และความอดทนที่ต้องมีต่อหมา ซึ่งไม่ได้ตามใจทาสหมาเสมอ สุดท้ายแล้ว ราคานี้คือบทพิสูจน์ว่า ทาสหมาไม่ได้ซื้อแค่หมา แต่กำลังลงทุน กับความสัมพันธ์ระยะยาว
บางคนอาจมองว่าแพงเกินไป แต่สำหรับอีกคน อัฟกันฮาวด์คือ “เพื่อนร่วมชีวิต” ที่ไม่มีอะไรมาแทนได้ ความคุ้มจึงไม่ได้อยู่ที่ราคาเท่าไร แต่อยู่ที่ทาสหมารู้สึกยังไง เมื่อตื่นมาเจอน้องทุกวัน เพราะหมาบางตัว ไม่ได้ซื้อด้วยเงิน แต่มัน “เลือกเจ้าของ” ด้วยใจล้วน ๆ