
วิชาดาบ เคนโด้ ต้นกำเนิด กติกา และเทคนิคการฝึก
- sunflower
- 164 views
วิชาดาบ เคนโด้ เป็นการต่อสู้ที่มีการพัฒนามาจาก การฝึกดาบซามูไร ที่ได้สืบทอดมาจนถึงปัจจุบัน โดยการฝึกฝนเคนโด้ เป็นการฝึกวิถีแห่งดาบ ดังนั้นในการฝึก ผู้ฝึกจำเป็นที่จะต้องมีความรู้ ทักษะ และการเคลื่อนไหวในระหว่างการฝึกที่ดี ซึ่งจะทำได้อย่างไรนั้น ผู้ฝึกสามารถเริ่มจากบทความนี้ได้เลย
เคนโด้เกิดขึ้นในช่วงปลายปีศตวรรษที่ 19 เป็นศิลปะการต่อสู้ที่มีรากฐานมาจาก การฝึกดาบซามูไร ในสมัยโบราณของญี่ปุ่น ที่ได้มีการสืบทอดมาตั้งแต่ในปี ค.ศ. 789 จนกระทั่งได้มีการพัฒนาเคนโด้ ให้กลายเป็นกีฬา ที่ได้รับความนิยมจาก 28 ประเทศทั่วโลก
เคนโด้เป็นวิชาที่แฝงไปด้วย หลักจริยธรรมนักรบ ความลึกล้ำด้านจิตวิญญาณ ใช้พื่อการฝึกฝนร่างกาย และจิตใจ ที่ได้รับการบรรจุเป็นวิชาบังคับ ในด้านศิลปะการป้องกันตัว budo โดยมีวิชาอื่น ๆ ที่สามารถเลือกเรียนได้เพิ่มเติมคือ ยูโด ซูโม่ และเคนโด้
โดยคำว่า “เคนโด้” มีความหมายโดยตรงว่า “วิถีแห่งดาบ” เนื่องจากมีลักษณะการต่อสู้ ที่คล้ายกับการฟันดาบแบบตะวันตก ที่ได้รับอิทธิพลจากเคนจุทสึ มาผสมผสานอีกเล็กน้อย โดยในปี พ.ศ. 2495 และ พ.ศ. 2513 ได้มีการสร้าง สหพันธ์เคนโด้ของญี่ปุ่นและสหพันธ์เคนโด้ระหว่างประเทศขึ้น เพื่อรับผิดชอบการปฏิบัติในระดับสากล [1]
ในการฝึกซ้อมเคนโด้จะถูกแบ่งออกเป็น 2 แขนง โดยมีรายละเอียด ดังต่อไปนี้
สำหรับการฝึกเคนโด้ ผู้เข้าฝึกฝนจะต้องเริ่มต้นการฝึก จากท่ารำคาตะ แล้วจึงตามด้วยการฝึกแบบสวมชุดเกราะ ซึ่งก่อนที่จะสวมใส่ชุดเกราะ ผู้ฝึกจะต้องสวมชุดอีกหนึ่งชุดไว้ข้างในก่อน นั่นคือ เสื้อ (Kendo-gi) และกางเกง (Hakama)
ที่มา: รวมเค็นโด [2]
ในการแข่งขันเคนโด้ ผู้เข้าแข่งขัน จะต้องสวมอุปกรณ์ และปฏิบัติตามกฎระเบียบ และเชื่อฟังคำสั่งจากกรรมการอย่างเคร่งครัด สนามที่ใช้ในการแข่งขัน ต้องมีขนาดความกว้าง 9 x 11 เมตร ดาบไม้ไผ่ ต้องมีความยาวอยู่ที่ประมาณ 114 – 120 ซม. และมีน้ำหนักประมาณ 400 – 500 กรัม (โดยน้ำหนักและความยาวของดาบ ขึ้นอยู่กับประเภทวัย และเพศ ของผู้แข่งขัน)
ในการแข่ง จะแบ่งผู้เข้าแข่งขันออกเป็น 2 ฝ่าย คือ ฝ่ายแดงและฝ่ายขาว โดยสังเกตได้จากแถบผ้าที่ห้อยอยู่ด้านหลังของผู้เล่น โดยประเภทของการแข่งขัน จะแบ่งออกได้เป็นดังนี้
ประเภทบุคคล: ใช้เวลาในการแข่ง 3 นาที ตัดสินโดยผู้ที่ชนะคือ ผู้ที่สามารถทำคะแนนได้ 2 ใน 3 คะแนน ภายในเวลาที่กำหนด แต่กรณีที่ผู้แข่งขันยังไม่สามารถทำคะแนนได้ การแข่งขันจะต้องมีการต่อเวลาเพิ่ม หรือที่เรียกว่า (Encho) ถ้าฝ่ายใดทำคะแนนได้ก่อน จะเป็นฝ่ายชนะ แต่ถ้ายังเสมอกัน กรรมการจะเป็นผู้ตัดสินชี้ขาดในการแข่งขันนั้นเอง
ประเภททีม: โดยทำการแบ่งเป็น 2 ทีม ทีมละ 3-5 คน โดยสมาชิกในทีมจะทำการประกบคู่เล่น เพื่อลงแข่ง ในลักษณะคล้ายกับประเภทบุคคล โดยถ้าในทีมใด มีผู้ชนะ 2 ใน 3 คน จะถือเป็นผู้ชนะเกมนั้นทันที แต่ถ้ามีคะแนนเท่ากัน ทั้งสองทีมจะต้องส่งตัวแทน ลงมาแข่งขัน 1 คน เพื่อตัดสินคะแนนชี้ขาด
ที่มา: การแต่งกายและกฎกติกาของเค็นโด [3]
สำหรับผู้เริ่มฝึกเคนโด้ จะถูกจัดอยู่ในระดับชั้นต่ำสุด นั่นก็คือระดับ (คิว) 5 โดยระดับคิว จะมีการเลื่อนขึ้นไปทีละขั้นเป็น 4, 3, 2, และ1 ตามระดับความสามารถและทักษะของผู้ฝึกฝน
จากนั้นจะตามด้วย การแบ่งระดับชั้นแบบขั้น (ดั้ง) ที่จะเริ่มต้นขึ้น แต่การไล่ลำดับจะตรงข้ามกัน โดยการแบ่งระดับชั้นแบบดั้ง จะเริ่มจาก 1-10 ซึ่งทักษะทางร่างกาย จะได้รับการประเมินจนถึงในระดับ 8 ดั้ง เท่านั้น ซึ่งระดับชั้น 9 ดั้ง และ 10 ดั้ง จะเน้นไปที่การประเมินการควบคุมทางจิต และจิตวิญญาณทั้งหมด
ทั้งนี้ยังไม่ข้อจำกัด ในช่วงบางอายุอีกด้วย โดย 1 ดั้ง จำกัดให้เฉพาะในผู้ที่มีอายุมากกว่า 13 ปี และ 8 ดั้ง จำกัดเฉพาะผู้ที่มีอายุ มากกว่า 46 ปีขึ้นไป
หาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ เคนโด้ วิถีแห่งดาบของญี่ปุ่น ได้ที่ fun-japan
กล่าวโดยสรุป วิชาดาบ เคนโด้ เป็นเหมือนสัญลักษณ์ของความแข็งแกร่ง ทั้งทางร่างกายและจิต เป็นวิชาการต่อสู้ ที่มาจากวิชาดาบดั้งเดิมของญี่ปุ่น ที่ปัจจุบันได้รับความนิยม และมีการฝึกฝนทั่วโลก เป็นกีฬาที่สะท้อนถึงวัฒนธรรมและศิลปะที่มีเอกลักษณ์เฉพาะของประเทศญี่ปุ่น
ศิลปะการต่อสู้เคนโด้ เป็นวิธีการต่อสู้ป้องกันตัวของประเทศญี่ปุ่น
คำว่าเค็นโด มีความหมายว่า “วิถีแห่งดาบ” ที่มารากฐานมาจากการใช้ดาบของซามูไรญี่ปุ่นโบราณสมัยก่อน