แหล่งรวมเกมส์ชั้นนำ สล็อต คาสิโน บาคาร่า พร้อมระบบล้ำทันสมัย รวดเร็วทันใจ

วิชาดาบ เคนโด้ ต้นกำเนิด กติกา และเทคนิคการฝึก

วิชาดาบ เคนโด้

วิชาดาบ เคนโด้ เป็นการต่อสู้ที่มีการพัฒนามาจาก การฝึกดาบซามูไร ที่ได้สืบทอดมาจนถึงปัจจุบัน โดยการฝึกฝนเคนโด้ เป็นการฝึกวิถีแห่งดาบ ดังนั้นในการฝึก ผู้ฝึกจำเป็นที่จะต้องมีความรู้ ทักษะ และการเคลื่อนไหวในระหว่างการฝึกที่ดี ซึ่งจะทำได้อย่างไรนั้น ผู้ฝึกสามารถเริ่มจากบทความนี้ได้เลย

  • ประวัติของเคนโด้
  • วิธีการเล่นกีฬาเคนโด้
  • กติกา และ อุปกรณ์สำหรับเคนโด้

ต้นกำเนิดของเคนโด้

เคนโด้เกิดขึ้นในช่วงปลายปีศตวรรษที่ 19 เป็นศิลปะการต่อสู้ที่มีรากฐานมาจาก การฝึกดาบซามูไร ในสมัยโบราณของญี่ปุ่น ที่ได้มีการสืบทอดมาตั้งแต่ในปี ค.ศ. 789 จนกระทั่งได้มีการพัฒนาเคนโด้ ให้กลายเป็นกีฬา ที่ได้รับความนิยมจาก 28 ประเทศทั่วโลก

เคนโด้เป็นวิชาที่แฝงไปด้วย หลักจริยธรรมนักรบ ความลึกล้ำด้านจิตวิญญาณ ใช้พื่อการฝึกฝนร่างกาย และจิตใจ ที่ได้รับการบรรจุเป็นวิชาบังคับ ในด้านศิลปะการป้องกันตัว budo โดยมีวิชาอื่น ๆ ที่สามารถเลือกเรียนได้เพิ่มเติมคือ ยูโด ซูโม่ และเคนโด้

โดยคำว่า “เคนโด้” มีความหมายโดยตรงว่า “วิถีแห่งดาบ” เนื่องจากมีลักษณะการต่อสู้ ที่คล้ายกับการฟันดาบแบบตะวันตก ที่ได้รับอิทธิพลจากเคนจุทสึ มาผสมผสานอีกเล็กน้อย โดยในปี พ.ศ. 2495 และ พ.ศ. 2513 ได้มีการสร้าง สหพันธ์เคนโด้ของญี่ปุ่นและสหพันธ์เคนโด้ระหว่างประเทศขึ้น เพื่อรับผิดชอบการปฏิบัติในระดับสากล [1]

 วิธีการเล่นเคนโด้

ในการฝึกซ้อมเคนโด้จะถูกแบ่งออกเป็น 2 แขนง โดยมีรายละเอียด ดังต่อไปนี้

  • แขนงที่หนึ่ง: การฝึกท่ารำ
    สำหรับการฝึกท่ารำ จะมีลักษณะคล้าย ๆ กระบี่กระบอง ของประเทศไทยเรา โดยจะเรียกการรำนี้ว่า คาตะ(KATA) ซึ่งจำเป็นต้องใช้สมาธิ เป็นส่วนสำคัญในการรำ โดยผู้ฝึกเคนโด้ทั้ง 2 คน จะต้องเปลี่ยนกันรุกและรับ
  • แขนงที่สอง: การต่อสู้ของผู้ฝึกเคนโด
    เป็นการต่อสู้ที่ให้ผู้ฝึกเคนโด้สวมใส่ชุดเกราะ หรือที่เรียกกันว่า โบกู (BOGU) และให้ผู้ฝึกใช้ดาบไม้ไผ่ (Shinai) เป็นอาวุธในการฝึก

สำหรับการฝึกเคนโด้ ผู้เข้าฝึกฝนจะต้องเริ่มต้นการฝึก จากท่ารำคาตะ แล้วจึงตามด้วยการฝึกแบบสวมชุดเกราะ ซึ่งก่อนที่จะสวมใส่ชุดเกราะ ผู้ฝึกจะต้องสวมชุดอีกหนึ่งชุดไว้ข้างในก่อน นั่นคือ เสื้อ (Kendo-gi) และกางเกง (Hakama)

ที่มา: รวมเค็นโด [2]

กฎ กติกาพื้นฐานของเคนโด้

ในการแข่งขันเคนโด้ ผู้เข้าแข่งขัน จะต้องสวมอุปกรณ์ และปฏิบัติตามกฎระเบียบ และเชื่อฟังคำสั่งจากกรรมการอย่างเคร่งครัด สนามที่ใช้ในการแข่งขัน ต้องมีขนาดความกว้าง 9 x 11 เมตร ดาบไม้ไผ่ ต้องมีความยาวอยู่ที่ประมาณ 114 – 120 ซม. และมีน้ำหนักประมาณ 400 – 500 กรัม (โดยน้ำหนักและความยาวของดาบ ขึ้นอยู่กับประเภทวัย และเพศ ของผู้แข่งขัน)

ในการแข่ง จะแบ่งผู้เข้าแข่งขันออกเป็น 2 ฝ่าย คือ ฝ่ายแดงและฝ่ายขาว โดยสังเกตได้จากแถบผ้าที่ห้อยอยู่ด้านหลังของผู้เล่น โดยประเภทของการแข่งขัน จะแบ่งออกได้เป็นดังนี้

ประเภทบุคคล: ใช้เวลาในการแข่ง 3 นาที ตัดสินโดยผู้ที่ชนะคือ ผู้ที่สามารถทำคะแนนได้ 2 ใน 3 คะแนน ภายในเวลาที่กำหนด แต่กรณีที่ผู้แข่งขันยังไม่สามารถทำคะแนนได้ การแข่งขันจะต้องมีการต่อเวลาเพิ่ม หรือที่เรียกว่า (Encho) ถ้าฝ่ายใดทำคะแนนได้ก่อน จะเป็นฝ่ายชนะ แต่ถ้ายังเสมอกัน กรรมการจะเป็นผู้ตัดสินชี้ขาดในการแข่งขันนั้นเอง

ประเภททีม: โดยทำการแบ่งเป็น 2 ทีม ทีมละ 3-5 คน โดยสมาชิกในทีมจะทำการประกบคู่เล่น เพื่อลงแข่ง ในลักษณะคล้ายกับประเภทบุคคล โดยถ้าในทีมใด มีผู้ชนะ 2 ใน 3 คน จะถือเป็นผู้ชนะเกมนั้นทันที แต่ถ้ามีคะแนนเท่ากัน ทั้งสองทีมจะต้องส่งตัวแทน ลงมาแข่งขัน 1 คน เพื่อตัดสินคะแนนชี้ขาด

ที่มา: การแต่งกายและกฎกติกาของเค็นโด [3]

อุปกรณ์ที่จำเป็นสำหรับเคนโด้

วิชาดาบ เคนโด้
  • ดาบไม้ไผ่ (Shinai : ชินัย)
    ดาบที่ทำขึ้นมาจากไม้ไผ่จำนวน 4 แผ่น ที่นำมามัดรวมกัน ด้วยเชือกหนัง ซึ่งดาบไม้ไผ่ มีไว้ใช้สำหรับการฝึกฝนทั่วไป
  • ดาบไม้ (Bokuto : โบคุโต)
    เป็นดาบที่ใช้สำหรับ การฝึกแบบเป็นทางการ ตัวดาบทำขึ้นจากไม้เนื้อแข็ง
  • เสื้อ (Keigoki : เคย์โกกิ) และ กางเกง (Hakama : ฮากามะ)
    เป็นชุดเสื้อผ้าที่เอาไว้สวมใส่ชั้นแรก ก่อนที่จะสวมเสื้อเกราะลงไปทับข้างนอกอีกทีหนึ่ง
  • เสื้อเกราะ (Boku : โบกุ)
    อุปกรณ์เสื้อเกราะของกีฬาเคนโด้จะมีทั้งหมด 4 ชิ้น ได้แก่ หัว(Men : เม็ง) ตัว(Do : โด) ข้อมือ(Kote : โคเทะ) และส่วนสะโพก(Tare : ทาเระ) เป็นอุปกรณ์ที่มีไว้สำหรับ ให้ผู้แข่งขันสวมใส่ เพื่อป้องกันการเกิดอันตราย หรือ อาการบาดเจ็บ จากการต่อสู้ในระหว่างการแข่งขัน

ระดับชั้นของเคนโด้

สำหรับผู้เริ่มฝึกเคนโด้ จะถูกจัดอยู่ในระดับชั้นต่ำสุด นั่นก็คือระดับ (คิว) 5 โดยระดับคิว จะมีการเลื่อนขึ้นไปทีละขั้นเป็น 4, 3, 2, และ1 ตามระดับความสามารถและทักษะของผู้ฝึกฝน

จากนั้นจะตามด้วย การแบ่งระดับชั้นแบบขั้น (ดั้ง) ที่จะเริ่มต้นขึ้น แต่การไล่ลำดับจะตรงข้ามกัน โดยการแบ่งระดับชั้นแบบดั้ง จะเริ่มจาก 1-10 ซึ่งทักษะทางร่างกาย จะได้รับการประเมินจนถึงในระดับ 8 ดั้ง เท่านั้น ซึ่งระดับชั้น 9 ดั้ง และ 10 ดั้ง จะเน้นไปที่การประเมินการควบคุมทางจิต และจิตวิญญาณทั้งหมด

ทั้งนี้ยังไม่ข้อจำกัด ในช่วงบางอายุอีกด้วย โดย 1 ดั้ง จำกัดให้เฉพาะในผู้ที่มีอายุมากกว่า 13 ปี และ 8 ดั้ง จำกัดเฉพาะผู้ที่มีอายุ มากกว่า 46 ปีขึ้นไป

หาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ เคนโด้ วิถีแห่งดาบของญี่ปุ่น ได้ที่ fun-japan

เทคนิคสำคัญของการเล่นเคนโด้

  • ตีแล้ววิ่ง
    ในระหว่างการแข่งขัน เมื่อผู้แข่งขันทำการตีฝ่ายตรงข้ามแล้ว ห้ามหยุดอยู่เฉย ๆ ให้วิ่งไปด้านหลังคู่ต่อสู้ เพื่อตั้งหลัก พอคู่ต่อสู้หันหน้ามา เราจะสามารถทำการเข้าโจมตีต่อไปเลยทันที (ยกเว้นกรณีตีพลาด ให้อยู่ที่เดิม เพื่อหาจุดตีต่อไป)
  • เสียง
    หลังจากที่กรรมการพูด Hajime! คือเริ่มการต่อสู้ ผู้เข้าแข่งขันทั้ง 2 ทีม จะต้องส่งเสียงออกมาให้ดัง เพื่อเป็นการเรียกกำลังใจ หรือเพื่อข่มขวัญคู่ต่อสู้ รวมถึงในระหว่างการแข่งขัน หากผู้แข่งทำแต้มได้จากการตี ควรตะโกนดัง ๆ ออกมาตามจุดที่ตีได้ เช่น ถ้าตีหัวได้ ให้ส่งเสียงว่า เม็ง แบบยาว ๆ และ ดัง ๆ
  • สมาธิ
    สมาธิถือเป็นสิ่งสำคัญในการแข่งขัน โดยผู้แข่งจะต้องทำจิตใจให้สงบ เพื่อสังเกตดูเชิง และการเคลื่อนไหวของคู่ต่อสู้ ดังนั้นการมีสมาธิ จะช่วยให้คุณสามารถตัดสินใจ เข้าโจมตีคู่ต่อสู้ได้แบบแน่วแน่ และมั่นคง

กล่าวโดยสรุป วิชาดาบ เคนโด้

กล่าวโดยสรุป วิชาดาบ เคนโด้ เป็นเหมือนสัญลักษณ์ของความแข็งแกร่ง ทั้งทางร่างกายและจิต เป็นวิชาการต่อสู้ ที่มาจากวิชาดาบดั้งเดิมของญี่ปุ่น ที่ปัจจุบันได้รับความนิยม และมีการฝึกฝนทั่วโลก เป็นกีฬาที่สะท้อนถึงวัฒนธรรมและศิลปะที่มีเอกลักษณ์เฉพาะของประเทศญี่ปุ่น

เคนโด้เป็นศิลปะการป้องกันตัวของประเทศไหน?

ศิลปะการต่อสู้เคนโด้ เป็นวิธีการต่อสู้ป้องกันตัวของประเทศญี่ปุ่น

คำว่า “เค็นโด” มีความหมายว่าอย่างไร?

คำว่าเค็นโด มีความหมายว่า “วิถีแห่งดาบ” ที่มารากฐานมาจากการใช้ดาบของซามูไรญี่ปุ่นโบราณสมัยก่อน

Facebook
Twitter
Telegram
LinkedIn
ข้อมูลผู้เขียน

แหล่งอ้างอิง