
รีวิว Pokemon เยลโล่สเพชเชิล เกมที่ปิกาจูเป็นผู้ช่วยหลัก
- Good Day's
- 100 views
รีวิว Pokemon เยลโล่สเพชเชิล หลังจากความสำเร็จของเกม Red & Green กับภาคเวอร์ชันปรับปรุง อย่างในบทความ รีวิวเกม Pocket มอนสเตอร์บลู ทาง Game Freak และ Nintendo ก็ได้เลือกสร้างเกมภาคใหม่ขึ้นมา เพื่อให้ตอบโจทย์กับความนิยม จากอนิเมะโปเกมอนที่กำลังโด่งดัง
เกมโปเกมอน ภาคเยลโล่สเพชเชิล ของแฟรนไชส์ Pokemon เป็นเกมที่พัฒนาขึ้นมา เพื่อให้ผู้เล่นได้สัมผัสการผจญภัยใหม่ ๆ ของเหล่าตัวละครในอนิเมะโปเกมอน ที่กำลังโด่งดังในยุคนั้น และเป็นเกมภาคใหม่ที่ทางผู้ผลิต ต้องการนำเสนอเรื่องราวต่าง ๆ ให้แตกต่างออกไปจากเดิม (7 กันยายน 2025) [1]
โดยได้มีการปรับบทบาทให้ปิกาจู เป็นโปเกมอนหลัก และเปลี่ยนแปลงเนื้อหาให้ใกล้เคียงการ์ตูนโปเกมอนให้ได้เยอะที่สุด ทั้งหมด จึงกลายเป็นหัวใจที่ทำให้เกมภาคนี้ แตกต่างจาก 2 เกมก่อนหน้า ที่เปิดตัวให้เล่นไปในปี 1996
ในขณะที่ความสำเร็จของอนิเมะโปเกมอน ที่ออกอากาศในญี่ปุ่น ตั้งแต่ปี 1997 ได้รับกระแสนิยม อย่างกว้างขวาง ทั้งเรื่องของเรตติ้งผู้ชม กับยอดขายสินค้าที่เกี่ยวข้อง กับตัวละครในแฟรนไชส์ ทำให้บริษัทนินเท็นโด และ GameFreak เห็นโอกาสในการเชื่อมโลกเกม กับโลกการ์ตูนเข้าด้วยกัน
และสิ่งที่ผู้เล่นจะได้เห็นหลังจากนั้น ก็กลายเป็นเกมโปเกมอน ภาคใหม่ อย่างเกมภาค Monsters Yellow Special Pikachu Edition ที่เปิดตัวให้เล่น เมื่อวันที่ 12 กันยายน ปี 1998 ตามมาด้วยการเปิดตัวในอเมริกาเหนือ ในปี 1999 และเปิดตัวในยุโรปเมื่อปี 2000 (6 กันยายน 2025) [2]
จุดขายสำคัญ คือการนำปิกาจูมาเป็นคู่หูหลักของผู้เล่น เพื่อต้องการนำเสนอบรรยากาศ จากอนิเมะที่ผู้คนคุ้นเคย จึงทำให้เกมภาคเยลโล่สเพชเชิล กลายเป็นเกมเวอร์ชันพิเศษ ที่ตั้งใจตอบแทนแฟน ๆ โดยตรง
การเปลี่ยนแปลงสำคัญที่ทำให้เกมภาคนี้ แตกต่าง คือการบังคับให้ผู้เล่นเริ่มเกม ด้วยการเป็นคู่หูของ Pikachu เพียงตัวเดียว และปิกาจูจะไม่ยอมอยู่ในโปเกบอล เหมือนโปเกมอนตัวอื่น ๆ แต่จะเดินตามผู้เล่นบนหน้าจอ ซึ่งเป็นครั้งแรกที่แฟน ๆ ได้เห็นโปเกมอนร่วมเดินทางกับผู้เล่น
กลไกที่สร้างความผูกพันระหว่างผู้เล่น กับโปเกมอนนี้ กลายเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้ปิกาจู ถูกยกขึ้นเป็นมาสคอตหลัก ของแฟรนไชส์โปเกมอน เมื่อเปรียบเทียบกับเกมภาค Red หรือเกมภาค Blue ความต่างชัดเจนอีก 1 จุด คือการใส่ตัวละครจากอนิเมะเพิ่มเข้ามา
ตัวอย่างเช่นตัวละคร Jessie กับ James จาก Team Rocket ที่ทำให้โครงเรื่องหลักของเกม มีความใกล้เคียงการ์ตูนมากขึ้น และตัวเลขยอดขายเกมที่มากกว่า 14.6 ล้านชุดทั่วโลก ก็สะท้อนให้เห็นชัดว่าการออกแบบครั้งนี้ ได้รับการตอบรับอย่างถล่มทลาย
พาทำความเข้าใจเกี่ยวกับเกม Pokemon ภาค MonstersYellow Special Pikachu หรือเรียกสั้น ๆ ภาค Yellow ว่าถูกออกแบบมาต่างจากเกมภาค Red หรือภาค Blue อย่างไร และใครบ้างที่เหมาะกับเกมภาคนี้ รวมถึงกระแสตอบรับเกมในยุคนั้น เป็นอย่างไรบ้าง
สำหรับผู้เล่นที่เติบโตมากับการ์ตูนโปเกมอน ในช่วงปลายยุค 1990 เกมโปเกมอน ภาค MonstersYellow หรือ YellowSpecial คือเกมที่ทำให้ความทรงจำกลับมามีชีวิตอีกครั้ง เพราะนี่คือภาคแรกที่ใส่ตัวละคร จากอนิเมะ อย่าง Jessie และ James ลงไปในเนื้อเรื่องโดยตรง (2025) [3]
แถมยังได้เห็นปิกาจู ตัวละครตัวโปรดของใครหลายคน เดินตามผู้เล่นเหมือนในการ์ตูนทุกเช้าเย็น ซึ่งในปี 1997 ถึงปี 1998 การได้เล่นเกมภาคนี้ เหมือนเป็นการย้อนเวลา ที่ทำให้แฟนการ์ตูนยุคนั้น ได้กลับไปสัมผัสโลกการ์ตูนด้วยมือของตัวเอง อีกครั้ง
ในมุมของผู้เล่นปัจจุบัน เกมภาคนี้ยังคงมีคุณค่า ต่อเหล่านักสะสม หรือเหล่าผู้ที่ชื่นชอบเกมเก่า ที่อยากศึกษาว่าแฟรนไชส์นี้ พัฒนาจากอะไร และเกมนี้ ยังถูกยกให้เป็นเกมเวอร์ชันส่งท้าย ของ Gen I ก่อนจะเข้าสู่เกมรุ่น Gen II ที่กำลังจะเปิดตัวให้เล่น ต่อจากเกมภาคเยลโล่สเพชเชิลนี้
หลังจากเกมเปิดตัว เกมมียอดขายที่น่าทึ่ง โดยมียอดจำหน่ายทั่วโลกมากกว่า 14.6 ล้านชุด ภายในปี 2010 ซึ่งทำให้เกมภาคนี้ ติดอันดับเกมขายดีที่สุด ที่ใช้เล่นบนเครื่อง GameBoy คิดเป็นเกือบ 10% ของยอดขายเกมแบบพกพาทั้งหมด ของยุคนั้น
ซึ่งความสำเร็จนี้ เป็นการยืนยันว่าการเชื่อมโยงเกม กับอนิเมะ คือการตัดสินใจที่ถูกต้องของบริษัทผู้ผลิต และช่วยขยายฐานแฟนคลับ จากผู้เล่นเกมไปสู่ผู้ชมการ์ตูนได้อย่างมีพลัง สำหรับด้านเสียงวิจารณ์ของเกมโปเกมอน ภาคเยลโล่สเพชเชิล
คือการได้รับการยกย่องว่าเป็นเกม ที่สามารถทำให้โปเกมอนมีชีวิต มากกว่าเกมภาคก่อน ๆ เพราะปิกาจูในเกมภาคใหม่นี้ มีอารมณ์โต้ตอบ และโครงเรื่องใกล้เคียงอนิเมะจริง
เกมโปเกมอน เยลโล่สเพชเชิล ไม่ได้ถูกจดจำเพียงการเป็นภาคเสริม แต่เป็นเกมที่หลอมรวมพลัง ของอนิเมะเข้ากับกลไกเกมแนว RPG ได้อย่างลงตัว ด้วยการบังคับให้ปิกาจู กลายเป็นคู่หูหลักที่จะออกเดินทางไปทุกที่ และเกมภาคนี้ ทำให้ปิกาจูกลายเป็นมาสคอตหลัก ของแฟรนไชส์โปเกมอน ในเวลาต่อมา
ข้อดีของเกมโปเกมอนภาคนี้ อยู่ที่การเชื่อมโยงเกม กับอนิเมะเข้าด้วยกันได้อย่างลงตัว โดยผู้เล่นจะได้เห็นปิกาจู ที่กำลังเดินตามหลังผู้เล่น ตลอดการผจญภัย แถมยังมีอารมณ์ตอบสนองกับผู้เล่น สิ่งเหล่านี้ ทำให้ความสัมพันธ์ผู้เล่น และโปเกมอนลึกซึ้งกว่าภาคก่อน ๆ
อย่างไรก็ตาม เกมโปเกมอนภาคนี้ ก็มีข้อเสีย ในเรื่องของความซ้ำซาก สำหรับผู้ที่เคยเล่นเกมเดิมมาก่อน เพราะจากโครงสร้างหลักของเกม แทบไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง เพียงเพิ่มลูกเล่นด้านภาพ และเนื้อเรื่องที่ใกล้เคียงอนิเมะจริงเข้าไป เพียงเท่านั้น อาจทำให้ผู้เล่นบางคนรู้สึกถูกจำกัด ทางเลือกในการเล่น