รีวิวโปเกมอน แบล็ค 2 เกมส่งท้ายของซีรีส์เกมเจเนอเรชันที่ 5
- Good Day's
- 52 views
รีวิวโปเกมอน แบล็ค 2 เกมภาคต่อของเกมโปเกมอน จากในบทความ รีวิว Pokemon แบล็คไวท์ ที่เปิดตัวในปี 2009 เกมเวอร์ชันปรับปรุงที่เลือกจะเดิน ในเส้นทางที่แตกต่างออกไป แบบชัดเจน ด้วยการสานต่อเรื่องราวจาก Black กับ White ให้กลายเป็นเกม ที่มีเรื่องราวยิ่งใหญ่ขึ้นกว่าเดิม
แม้ชื่อเกมภาคนี้ ในแฟรนไชส์โปเกมอน จะบ่งบอกว่าเป็นภาคต่อ แต่ความจริงแล้วเกมนี้ ไม่ได้ถูกสร้างมาเพียงเพื่อยืดอายุเกมต่าง ๆ ใน Gen 5 เท่านั้น สิ่งที่ทีมพัฒนาเลือกทำ คือการเปิดโลก Unova ในเวอร์ชันที่เปลี่ยนไปตามกาลเวลา (7 กันยายน 2025) [1]
ดังนั้น ก่อนจะไปดูว่าเกมนี้มีจุดเด่นตรงไหน หรือแตกต่างจากภาคก่อนหน้าอย่างไร จำเป็นต้องเข้าใจก่อนว่ากระบวนการสร้างเกม ถูกออกแบบมาเพื่อสะท้อนการเติบโต และพื้นฐานการเล่นก็ถูกปรับให้ลื่นขึ้น เพื่อรองรับผู้เล่นที่มีความคาดหวังต่างกัน ในยุคนั้น
โปเกมอน ภาค Black และ White 2 เปิดตัวให้เล่นครั้งแรก เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน ปี 2012 ในประเทศญี่ปุ่น ก่อนจะขยายตัวไปในยุโรป มีการเปิดตัวให้เล่น วันที่ 7 ตุลาคม ภายในปีเดียวกัน ถือเป็นครั้งแรกที่ทางบริษัทผู้ผลิตเกม เลือกจะไม่ทำให้เกมภาคนี้ เป็นเวอร์ชันปรับปรุง (18 กันยายน 2025) [2]
แต่กลับหยิบโลกเดิม มาสานต่อเรื่องราวใหม่ การตัดสินใจนี้ สะท้อนแนวคิดใหม่ว่าโลกโปเกมอน ก็เติบโตได้เหมือนผู้เล่น พร้อมกับนำตัวละครโปเกมอนรุ่นเก่า กลับมาให้เล่นในบทบาทใหม่ ๆ ทำให้แฟนเกมกว่า 15 ล้านคน ทั่วโลก
ที่เล่นภาคก่อนหน้า รู้สึกเหมือนได้เจอเพื่อนเก่า ในช่วงเวลาใหม่ โดยเป็นการบ่งบอกว่า GameFreak กำลังพยายามยกระดับเกมโปเกมอน จากเกม RPG ธรรมดา ให้กลายเป็นประสบการณ์การเล่นที่ดูกว้างขึ้นกว่าเดิม
แม้เกมโปเกมอน ภาคแบล็คกับไวท์ 2 จะยังใช้กราฟิกแบบ 2D Sprite บนเครื่อง Nintendo DS เช่นเดียวกับภาคก่อนหน้า จากในบทความ ที่เปิดตัวให้เล่นไป ตั้งแต่วันที่ 18 กันยายน ปี 2010 แต่ทางผู้ผลิต GameFreak ได้ปรับการเคลื่อนไหวให้มีมิติ และสมูทขึ้นกว่าเดิม 30%
โดยเฉพาะในฉากต่อสู้ ที่โปเกมอนมีแอนิเมชันเคลื่อนไหว ตลอดเวลา ไม่ใช่แค่การกระดิกเล็กน้อย เหมือนเกมภาคเก่า สิ่งเหล่านี้ สะท้อนความตั้งใจ ที่จะรีดพลังของเครื่องเล่นเกมนินเท็นโด DS ออกมา ก่อนจะก้าวสู่ยุคเครื่องเล่นเกม 3DS และทำให้ผู้เล่นชินกับระบบเก่า
แล้วอะไร คือจุดเด่นของเกมภาคนี้จริง ๆ แล้วเกมภาคนี้ แตกต่างจากเกมภาคก่อนหน้ายังไง ภายในเนื้อหาต่อไป จะเป็นการพามองหาคำตอบ ที่จำเป็นจะต้องแยกให้ออกว่ามีองค์ประกอบใด ที่ทำให้เกมนี้สามารถยืนอยู่ได้ด้วยตัวเอง และองค์ประกอบใด ที่ทำหน้าที่เชื่อมโยงกับเกมภาคก่อนหน้า
สิ่งที่ทำให้เกมภาคแบล็คแอนด์ไวท์นี้โดดเด่น ไม่ใช่แค่การเป็นเกมภาคต่อของเรื่องราวที่เกิดขึ้น ในเกมก่อนหน้า แต่เป็นการสร้างการเล่นใหม่ ๆ ที่ผู้เล่นจะได้สัมผัสกับเวลาที่เปลี่ยนไป บนโลก Unova กับการนำเอาตัวละครโปเกมอนหน้าเก่า กลับมาให้เล่นในบทบาทใหม่ (2025) [3]
และเสริมด้วยสถานที่ อย่าง Pokestar Studios และ Join Avenue ที่ไม่ได้เป็นเพียงกิมมิคของเกม แต่เป็นสถานที่ที่ทำให้ผู้เล่นได้ลองใช้ชีวิต นอกเหนือจากการเป็นนักฝึกโปเกมอน สิ่งเหล่านี้ ช่วยยกระดับให้เกมไม่ได้จำกัดอยู่ที่การต่อสู้ เพียงอย่างเดียว
แต่กลายเป็นพื้นที่ที่เล่าเรื่องการเติบโต ของโลกในเกมกับผู้เล่นได้อย่างลงตัว อีกจุดแข็งที่เห็นได้ชัดเจน คือการมอบความท้าทายใหม่ ๆ ให้กับกลุ่มแฟนเกมที่ติดตามมาตลอด การเพิ่ม Challenge Mode และระบบความยากที่ปรับได้ ถือเป็นการรับฟังเสียงจากผู้เล่น
เกมโปเกมอน ภาค Black 2 คือการพิสูจน์ว่าโลกที่ถูกสร้างขึ้นมา สามารถเติบโตได้อีก การเติบโตนี้ทำให้ผู้เล่นได้เห็นผลลัพธ์ของเรื่องราว และการเปลี่ยนแปลงในเมืองต่าง ๆ ที่แตกต่างจากภาคก่อน ซึ่งเริ่มต้นแบบโลกใหม่ แต่ในเกมภาคนี้ จะทำให้ได้เห็นการทับซ้อนของอดีต กับปัจจุบัน
และอีกสิ่งที่แตกต่าง คือแนวคิดในการนำเสนอตัวเลือกใหม่ ๆ เช่นการปลดล็อก Challenge Mode หลังจบเกม หรือการได้พบกับโปเกมอนเก่า จากเกมเจนก่อน ๆ มากขึ้น เพื่อแก้ข้อวิจารณ์ที่บอกว่า เกมภาค BlackWhite มีข้อจำกัดภายในส่วนของโปเกมอนรุ่นเก่า ๆ มากเกินไป
เกมโปเกมอน ภาคแบล็ค 2 ไม่ได้ถูกกล่าวถึง เพราะการพลิกโฉมเทคโนโลยี หรือการเปลี่ยนกราฟิกในเกม แต่เพราะเป็นครั้งแรกที่เกมแฟรนไชส์โปเกมอน พิสูจน์ให้ได้เห็นว่าซีรีส์เกมสามารถเล่าเรื่องราว ต่อได้อีกจริง เกมภาคนี้ คือการทดลอง ที่กลายเป็นความสำเร็จ จนทำให้ถูกพูดถึงกัน ในปัจจุบัน
เกมภาค Black 2 เหมาะกับแฟนเกมโปเกมอน ที่เคยสัมผัสกับเกมภาคก่อนหน้า เพราะจะได้เห็นการเปลี่ยนแปลงของโลก Unova และสนุกกับการพบเจอตัวละครเก่า ๆ ที่นำกลับมาในบทบาทใหม่ อีกทั้งยังตอบโจทย์ผู้เล่น ที่มองหาความท้าทาย ผ่านโหมด Challenge Mode หรือระบบที่ปรับความยากได้
เกมนี้อาจไม่ตอบโจทย์ผู้เล่น ที่หวังเห็นการเปลี่ยนแปลงของภาพกราฟิก หรือการมีระบบการเล่นใหม่ ๆ เข้ามา เพราะเกมภาคนี้ ยังอยู่บนกรอบของเครื่องเล่นเกมนินเท็นโด DS และยังใช้กราฟิก 2D Sprite Based เช่นเดิม ทำให้เกมนี้ อาจรู้สึกซับซ้อนเกินจำเป็น และไม่ใช่คำตอบที่ต้องการ
