
รีวิวเกม Pokemon รูบี้แซฟไฟร์ เกมภาคแรกของ Generation 3
- Good Day's
- 92 views
รีวิวเกม Pokemon รูบี้แซฟไฟร์ เกมโปเกมอนภาคแรก ของ Generation ที่ 3 แฟรนไชส์โปเกมอน ภาคใหม่ ต่อจากเกมในบทความ รีวิวเกม Pokemon คริสตัล ที่เขียนไปก่อนหน้านี้ ของบริษัทผู้ผลิต Game Freak Inc กับบริษัท Nintendo เกมที่เปิดตัวให้เล่นในปี 2002
หลังจากเกมภาคคริสตัล ในแฟรนไชส์โปเกมอน ทำหน้าที่เป็นสะพานปิดท้าย ยุค Game Boy Color แล้ว การมาของเกม Pokemon Ruby & Sapphire ปี 2002 คือจุดที่ซีรีส์ต้องก้าวเข้าสู่แพลตฟอร์มใหม่ อย่าง Game Boy Advance ซึ่งเป็นเครื่องเล่นเกมที่มีศักยภาพมากกว่ารุ่นก่อน (7 กันยายน 2025) [1]
เพื่อจะเข้าใจว่าทำไมภาคนี้ ถูกมองว่าเป็นการ Reset ครั้งใหญ่ ของเกมแฟรนไชส์โปเกมอน เราจำเป็นต้องทำความเข้าใจเกี่ยวกับพื้นฐานการเล่นที่ขยายใหญ่ขึ้น และนวัตกรรมในการพัฒนาเกม ที่เพิ่มความซับซ้อนยิ่งขึ้นกว่าเดิมก่อน เพิ่มเติม
เกมโปเกมอน RubySapphire เป็นเกมภาคแรก ที่พัฒนาลงตัวเกม ให้สามารถเล่นได้บนเครื่องเล่น Game Boy Advance เป็นเครื่องเล่นเกมที่เปิดตัว ในปี 2001 ซึ่งมีหน่วยประมวลผล และหน่วยประมวลความจำสูงกว่าเครื่องเล่น Game Boy Color รุ่นเก่าหลายเท่า (27 กรกฎาคม 2025) [2]
ความสามารถของฮาร์ดแวร์นี้ ทำให้ทีมงานของบริษัทผู้ผลิตเกมฟรีคอิงค์ สามารถเพิ่มระบบใหม่ที่ไม่เคยมีมาก่อน เข้าไปในเกมได้อย่างหลากหลาย เช่นการเพิ่มระบบ Double Battles หรือการต่อสู้แบบ 2 ต่อ 2 เข้าไป โดยระบบนี้ เป็นระบบที่เปลี่ยนกลยุทธ์ จากการเล่นแบบเดี่ยว ๆ ไปสู่การวางแผนเป็นทีม
การเพิ่มนี้ ถือเป็นการสร้างความซับซ้อนของกลยุทธ์ ในการเล่น และยังเป็นจุดเริ่มต้นของการแข่งขันโปเกมอน ใน eSports ในเวลาต่อมา
เกมโปเกมอน ภาครูบี้แอนด์แซฟไฟร์ ยังคงโครงสร้างเกมแนว RPG แบบดั้งเดิมเอาไว้ โดยผู้เล่นจะได้เริ่มต้นในเมืองเล็ก ๆ และต้องฝึกฝนเหล่าโปเกมอนของตัวเองให้พร้อม เพื่อเก็บสะสมแบดจ์จาก Gym Leader ให้ครบทั้ง 8 คน สิ่งที่เปลี่ยนไป คือขอบเขตของโลกในเกม ถูกขยายขึ้น (2025) [3]
ผู้เล่นสามารถเข้าภูมิภาค Hoenn ได้ และภูมิภาคแห่งนี้ เต็มไปด้วยภูมิประเทศที่หลากหลาย เช่นป่า ภูเขาไฟ และทะเล ในเชิงปริมาณ สิ่งเหล่านี้ ทำให้แผนที่ของ Hoenn มีพื้นที่ทะเลครอบคลุมกว่า 30% ของภูมิภาคในเกม ถือเป็นการออกแบบที่แตกต่าง จาก Johto และ Kanto อย่างสิ้นเชิง
เมื่อเข้าใจพื้นฐานการเล่น กับการพัฒนาเกมโปเกมอน ภาค RubySapphire ที่นำเสนอออกมาเบื้องต้นแล้ว คำถามต่อมา คือเกมภาคนี้มีอะไร ที่ทำให้เกมโดดเด่น จนถูกจดจำ และผู้เล่นยุคนั้น มีการตอบรับเกมนี้อย่างไร เพราะไม่ใช่ทุกการเปลี่ยนแปลง จะได้รับเสียงชื่นชมไป ทั้งหมด
การมองผ่านจุดเด่นของระบบ และเนื้อหา ควบคู่ไปกับกระแสตอบรับ จะทำให้เห็นภาพชัดว่าเกมภาคนี้ ยืนอยู่ตรงไหนในเส้นทาง ของ Pokemon ในยุคปัจจุบัน
สิ่งที่ทำให้เกมโปเกมอน ภาครูบี้แซฟไฟร์โดดเด่น คือการเปิดตัวระบบการต่อสู้แบบ DoubleBattles ซึ่งเปลี่ยนจากเกมที่เล่นแบบดวล 1v1 เข้าสู่การวางกลยุทธ์แบบ 2v2 ที่ต้องคำนึงถึงการทำงานกันเป็นคู่ โดยระบบนี้ ทำให้ผู้เล่นต้องออกแบบทีม ให้เหมาะสมกับการเล่นมากยิ่งขึ้น
และกลายเป็นรากฐานที่ถูกใช้ ในเวทีแข่งขันเกมโปเกมอน มาจนถึงปัจจุบัน นอกจากนี้ เกมยังใส่ Abilities และ Natures เข้าไป ทำให้เกมโปเกมอนสายพันธุ์เดียวกัน ไม่จำเป็นต้องเหมือนกันอีกต่อไป การเพิ่มองค์ประกอบเหล่านี้เพิ่มในเกม ทำให้การสร้างทีมมีความซับซ้อนเยอะขึ้น
นอกจากนั้น ยังมีระบบเสริมอย่าง PokemonContest และ Secret Base ที่เปิดมิติใหม่ ให้ผู้เล่นสามารถทำกิจกรรมได้ มากกว่าการเล่นแบบต่อสู้ เป็นการช่วยขยายกิจกรรมในเกม จนทำให้โฮเอ็น กลายเป็นภูมิภาคที่มีชีวิตชีวามากกว่าเกมภาคก่อน ๆ
ยอดขายของเกมโปเกมอน RubySapphire ประสบความสำเร็จอย่างชัดเจน โดยทำยอดขายรวมได้กว่า 16.22 ล้านชุดทั่วโลก ซึ่งสูงเป็นอันดับต้น ๆ ของ GameBoy Advance และเป็นรายได้เกือบ 3 เท่าของเกมที่เปิดให้เล่นก่อนหน้า การเพิ่มโปเกมอนใหม่เข้าไปกว่า 135 ตัว ก็ช่วยขยายฐานผู้เล่น
เสียงจากนักวิจารณ์ส่วนใหญ่ ชื่นชมในด้านกราฟิก กับเสียงเพลงที่เปลี่ยนไป แบบก้าวกระโดด จากยุค GameBoy Color แต่ก็มีเสียงวิจารณ์ ในประเด็นหลัก ๆ คือการเน้นไปที่ทะเลเป็นส่วนใหญ่ ทำให้การเดินทางบางช่วงมีความยืดเยื้อ
เกมโปเกมอน ภาครูบี้แซฟไฟร์ คือเกมภาคที่วางรากฐานใหม่ ให้กับซีรีส์เกมแฟรนไชส์โปเกมอน ในหลายด้าน ทั้งการเพิ่มระบบ DoubleBattles, Abilities, Natures หรือคอนเทนต์เสริม ที่ขยายบทบาทการเล่นเข้าไป ทำให้เกมภาคนี้ มีอะไรให้ทำมากกว่าการต่อสู้ ภายในเกม
ข้อดีหลักของเกมภาคนี้ คือการเป็นจุดเริ่มต้นของเกมเจเนอเรชัน 3 ด้วยการยกระดับการเล่น ให้มีความซับซ้อนขึ้น ทั้งการเพิ่มโปเกมอนใหม่, การเพิ่มระบบ DoubleBattles หรือการเพิ่มคอนเทนต์เสริม อย่าง Contest และ Secret Base เข้ามา ทั้งหมด ทำให้เกมไม่ได้จำกัดอยู่แค่การต่อสู้ เพียงอย่างเดียว
ข้อเสียเกมภาคนี้ คือการตัดขาดจากเกมเจเนอเรชันรุ่นก่อนหน้า โดยไม่สามารถโอนโปเกมอนเดิมเข้ามา ในเกมภาคนี้ได้ ทำให้แฟน ๆ เกมที่สะสมโปเกมอนมา ตั้งแต่เกมเจเนอเรชันแรก รู้สึกผิดหวัง รวมถึงการออกแบบภูมิภาคใหม่ อย่างโฮเอ็นที่เน้นทะเลมากเกินไป ทำให้ถูกมองว่าเนื้อหายืดเยื้อมากกว่าเดิม