รีวิวเกม Pokemon คริสตัล เกมภาคที่ทำให้เกมรุ่น 2 สมบูรณ์แบบ
- Good Day's
- 77 views
รีวิวเกม Pokemon คริสตัล ที่เปิดตัวให้เล่นในปี 2000 เกมเวอร์ชันส่งท้ายเกมโปเกมอน เจเนอเรชันที่ 2 จากแฟรนไชส์โปเกมอน ของบริษัทผู้ผลิต Game Freak (เกมฟรีค อิงค์) ร่วมกับบริษัทนินเท็นโด เกมภาคต่อของเกม ในบทความ รีวิว Pokemon โกลด์ซิลเวอร์ ก่อนหน้านี้
การทำความเข้าใจสองแกนหลัก ของเกมโปเกมอน ภาคคริสตัล กับวิธีเล่นเกมในแฟรนไชส์ Pokemon ภายในหัวข้อนี้ อาจทำให้ผู้อ่านเข้าใจว่าการพัฒนาเกม ที่มาพร้อมกับนวัตกรรมใหม่ ๆ ที่เกิดขึ้นในปี 2000 คือสิ่งที่ให้เกมภาคนี้ (7 กันยายน 2025) [1]
กลายเป็นเกมที่ยกระดับของเกมใน Generation II ให้สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้นกว่าเดิม อย่างเช่นการเพิ่มคอนเทนต์ใหม่ ๆ เข้าไปในเกม หรือการปรับแต่งระบบการเล่นใหม่ ๆ ให้แตกต่างออกไปจากเดิม เป็นต้น
เกมโปเกมอน Crystal พัฒนาโดยเกมฟรีค อิงค์ กับนินเท็นโด และปล่อยตัวเกมลงให้เล่น ผ่านเครื่องเล่น Game Boy Color ในวันที่ 14 ธันวาคม ปี 2000 ที่ประเทศญี่ปุ่น ก่อนจะขยายไปอเมริกา และยุโรปในปี 2001 แม้ยังอยู่บนแพลตฟอร์มเดิม แต่ทีมงานเลือกเพิ่มระบบใหม่เข้าไป (27 สิงหาคม 2025) [2]
เพื่อให้เกมยืดอายุการเล่นเกม บนเครื่องเล่นเกมเหล่านี้ให้นานออกไปยิ่งขึ้นกว่าเดิม ตัวอย่างเช่น การเพิ่มระบบการเล่น Battle Tower ที่เปิดโอกาสให้ผู้เล่นพบเจอการผจญภัยแสนท้าทาย พร้อมกับต้องรับมือกับคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่ง โดยไม่มีการจำกัดจำนวนรอบเล่น
นอกจากนี้ เกมโปเกมอนภาคคริสตัล ยังรองรับการเล่นผ่าน Mobile Adapter GB ในญี่ปุ่น ที่เปิดตัวในปี 2001 ซึ่งทำให้ผู้เล่นบางส่วนสามารถเชื่อมต่อออนไลน์ เพื่อจัดอีเวนต์ต่าง ๆ และแลกเปลี่ยนโปเกมอนได้ การทดลองนี้แสดงให้เห็นว่าเกมภาคนี้ คือเกมทดลองระบบที่ใช้เล่น ผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต
สำหรับการเล่นเกมโปเกมอน คริสตัล ยังคงเป็นเกมแนว RPG แบบดั้งเดิม ที่สืบทอดจากเกมทั้งหมดที่เปิดตัวให้เล่นก่อนหน้า ในแฟรนไชส์ แต่ความโดดเด่นของเกมภาคนี้ คือการขยายโลกในเกม ให้กว้างขึ้นกว่าเดิม โดยผู้เล่นจะได้เริ่มต้นการผจญภัยในภูมิภาค ที่มีชื่อเรียกว่า Johto (2025) [3]
แต่สิ่งที่เกมภาคนี้พิเศษกว่า คือการเชื่อมต่อกับ Kanto หลังจบเนื้อเรื่องหลัก ซึ่งหมายความว่าผู้เล่นสามารถสะสมแบดจ์ได้ถึง 16 แบดจ์ มากกว่าภาค Red หรือภาค Blue ที่มีเพียง 8 แบดจ์เท่านั้น การขยายการเล่นเหล่านี้ สามารถเพิ่มปริมาณคอนเทนต์ และเวลาการเล่นได้อีกเท่าตัว
ซึ่งถือเป็นการเปิดพื้นที่ใหม่ ทางวัฒนธรรมการเล่นในปี 2000 และทำให้หลังเปิดตัวเกมภาคนี้ มีผู้เล่นเพิ่มมากขึ้นราว ๆ 30% ที่เริ่มเข้ามาติดตามเกมของแฟรนไชส์
หลังจากเข้าใจถึงพื้นฐานการเล่น กับเบื้องหลังการพัฒนาเกมข้างต้นแล้ว สิ่งที่จะพาทำความเข้าใจต่อมา คือการมองว่าเกมภาคนี้ มีอะไรที่พิเศษกว่าเกมภาคเดิม ที่เปิดตัวให้เล่นก่อนหน้า และผู้เล่นในยุคนั้น มีการตอบรับอย่างไร
เพราะไม่ใช่ทุกการอัปเกรดตัวเกม แล้วจะได้รับเสียงตอบรับในทิศทางเดียวกัน การเจาะไปที่จุดเด่นของระบบ และเนื้อเรื่องของเกมก่อน จะทำให้เข้าใจว่ากระแสตอบกลับที่ได้รับ จากผู้เล่น จะช่วยให้เห็นชัดว่าเกมภาคนี้มีดีอย่างไร ที่ทำให้ผู้คนต้องเข้าไปเล่น
สิ่งที่ทำให้เกมโปเกมอน ภาคคริสตัล ถูกจดจำเป็นพิเศษ คือการให้โปเกมอน ในตำนาน อย่างตัวละคร Suicune มีบทบาทเอกเฉพาะตัว โดยผู้เล่นจะได้พบเจอมอนสเตอร์หลายตัว ตลอดเส้นทางการผจญภัย ก่อนจะมีโอกาสจับจริง ในช่วงท้ายของเกม และสิ่งนี้ เป็นสิ่งที่ต่างจากเกมภาค Gold & Silver
การเพิ่มเนื้อเรื่องซุยคูนเข้าไป ทำให้เกมมีเนื้อหาที่ลึกมากขึ้น อีกระบบที่โดดเด่น คือ Battle Tower ซึ่งเปิดตัวครั้งแรก ในเกมภาคนี้ โดยเป็นระบบที่จะทำให้ผู้เล่น สามารถต่อสู้กับคู่ต่อสู้ได้หลายรอบติดต่อกัน และมีการจัดทีมต่อสู้ที่หลากหลายมากขึ้น ถือเป็นการเพิ่มความท้าทาย หลังจบเนื้อเรื่องหลัก
ที่ไม่เคยมีในเกมภาคก่อน หากนับรวมเกมโปเกมอนทั้งหมด ใน Generation 2 ที่มีอยู่จำนวน 251 ตัว การเพิ่มระบบหอคอยแห่งการต่อสู้เข้าไป เท่ากับว่าเกมภาคคริสตัลนี้ เพิ่มความเป็นไปได้ ในการเจอทีมต่อสู้ ที่แตกต่างกันได้หลายร้อยรูปแบบ ซึ่งถือว่าเป็นการเพิ่มคอนเทนต์ ในเชิงระบบอย่างแท้จริง
เกมโปเกมอน คริสตัล ได้รับการตอบรับในเชิงบวก จากนักวิจารณ์ในช่วงปี 2000 ถึงปี 2001 หลายสำนักยกย่องว่าเป็นเกมภาคที่สมบูรณ์ของเกมรุ่นที่ 2 โดยเฉพาะการเพิ่มแอนิเมชันโปเกมอน ที่ทำให้การต่อสู้ดูมีชีวิตชีวามากขึ้น ในด้านยอดขายของเกมภาคนี้ ทำได้กว่า 6.39 ล้านชุดทั่วโลก
แม้จะน้อยกว่าเกมภาค GoldSilver ที่ทำได้กว่า 23 ล้านชุด แต่เมื่อเปรียบเทียบกับการเป็นเพียงเวอร์ชันเสริม ก็ถือว่าเป็นตัวเลขที่สะท้อนให้เห็นถึงความนิยมที่เพิ่มมากขึ้น สิ่งที่ถูกพูดถึงในระยะยาว คือการเพิ่มตัวละครหญิง Kris เข้าไป ทำให้กลายเป็นมาตรฐานหลักของการเล่น ในเกมโปเกมอนทุก Generation
รีวิวโปเกมอน คริสตัล เกมภาคส่งท้ายที่สมบูรณ์แบบที่สุด ในแฟรนไชส์โปเกมอน เจเนอเรชัน 2 เกมภาคนี้ อาจไม่ใช่เกมที่สร้างความเปลี่ยนแปลง แบบพลิกหน้าประวัติศาสตร์ แต่เป็นเกมที่ทำหน้าที่เติมเต็มสิ่งที่ขาดหายไป ในเกมของเจเนอเรชันที่ 2 ของบริษัทเกมฟรีคอิงค์ กับนินเท็นโด ที่ผลิตออกมาให้เล่น
ข้อดีของเกมภาคนี้ คือการทำให้เกมของเจเนอเรชันสอง ในแฟรนไชส์เกมโปเกมอนสมบูรณ์แบบมากขึ้น ผ่านการเพิ่มระบบกับเนื้อหาใหม่ ๆ เข้าไป เช่นการเพิ่มระบบหอคอยแห่งการต่อสู้ การเพิ่มแอนิเมชันของโปเกมอน ที่ทำให้ตัวละครในเกมดูมีชีวิตชีวามากขึ้น กว่าเกมเดิมที่มีให้เล่นก่อนหน้า
ข้อเสียของเกมโปเกมอน ภาคนี้ อยู่ที่การเปลี่ยนแปลงที่ยังไม่มากพอ สำหรับผู้เล่นบางกลุ่ม เพราะเนื้อหาหลักยังคงคล้ายเกมภาคก่อน โดยทำให้ถูกมองว่าเป็นเพียงเกมภาคอัปเกรดเล็ก ๆ ที่มีการเพิ่มระบบการเล่น หรือเพิ่มเนื้อหาที่แตกต่างเข้าไป เท่านั้น
