
รีวิวเกม MariovsDonkey 2016 ของนินเท็นโดที่ไม่เหมือนใคร
- Good Day's
- 96 views
รีวิวเกม MariovsDonkey 2016 หรือเกมภาค 7 ที่ไม่ใช่แค่ภาคต่อธรรมดา ของเกมภาคก่อนหน้าที่รีวิว ในบทความ รีวิวมาริโอปะทะดองกี้ Tipping ไปก่อนหน้านี้ แนะนำซีรีส์เกมภาคต่อ ที่กลับมาพร้อมกับการทดลองระบบการเล่นใหม่ ๆ ที่ผูกเข้ากับระบบ Amiibo โดยตรง
การสร้างเกมมาริโอปะทะดองกี้ภาคนี้ เผยให้เห็นถึงความตั้งใจ ของบริษัทนินเท็นโด ที่ต้องการพัฒนาเกมปริศนาภาคต่อ ของซีรีส์เกม MariovsDonkeyKong ในแฟรนไชส์ Mario ในการทดลองกลยุทธ์ใหม่ โดยจะเป็นกลยุทธ์ด้านการพัฒนาเกม และการออกแบบด่านต่าง ๆ (25 สิงหาคม 2025) [1]
ซึ่งความแตกต่างนี้ ไม่ใช่แค่เรื่องการแจกให้เล่นฟรี บน eShop เท่านั้น แต่ยังเป็นเกมที่ได้มีการผูกระบบเกม เข้ากับฟิกเกอร์ Amiibo แบบจริงจัง
เกม MiniMario & Friends AmiiboChallenge เปิดตัวให้เล่นวันที่ 28 มกราคม ในปี 2016 เป็นเกมที่สร้างขึ้นมาโดยทีม Nintendo Software Technology เป็นสตูดิโอในสหรัฐที่รับผิดชอบผลิตเกมซีรีส์นี้ มาตั้งแต่ภาคแรก เกมภาคนี้ กำกับโดย Stephen Mortimer (27 มิถุนายน 2025) [2]
ทั้งหมด สะท้อนให้เห็นว่าทางผู้ผลิต ยังคงใช้ทีมงานหลัก เหมือนเกมภาคก่อน ๆ แต่ครั้งนี้ ทางนินเท็นโด เลือกปล่อยเกมให้ดาวน์โหลดฟรี ผ่าน eShop บน Wii U และ 3DS ถือเป็นการเปลี่ยนกลยุทธ์ครั้งสำคัญ เพราะเกมในซีรีส์ที่ผ่านมา ที่มักมีการเปิดจำหน่ายในรูปแบบปกติ
เกมนี้ถูกออกแบบมา เพื่อโปรโมทอะมีโบโดยตรง โดยผู้เล่นต้องมีฟิกเกอร์อะมีโบก่อน ถึงจะปลดล็อกเหล่ามินิตัวละครหลัก ในเกมได้ จำนวน 11 ตัว แต่ถ้าหากไม่มี Amiibo จะได้รับเพียง Mini Spek ที่ไร้ความสามารถพิเศษ ทำให้เนื้อหาของเกมภาคนี้ ขึ้นอยู่กับการสะสมฟิกเกอร์มากกว่า
เกมมีด่านให้เล่นมากกว่า 50 ด่าน ซึ่งถือว่าน้อยกว่าภาคก่อนหน้า แต่ในแต่ละด่านถูกออกแบบให้มีด่านลับ และจะมีโซนเฉพาะตัวละคร เช่นผู้เล่นจะมีคฤหาสน์ Luigi หรือมีปราสาท Bowser โดยการสะสมกลุ่มตัวละครหลักในเกม จะทำการปลดล็อกโซนใหม่ที่มีความยากเฉพาะตัว
สำหรับการเล่นเพื่อเก็บเนื้อเรื่องให้ครบ 100% ต้องใช้ฟิกเกอร์อะมีโบ Mario Universe ทั้ง 10 ตัว และต้องเล่นด่านหลักซ้ำ อย่างน้อย 3 รอบ หากเทียบเชิงสัดส่วนแล้ว การปลดล็อกคอนเทนต์เต็มของเกม ต้องอาศัยความพยายามมากกว่า 70% ของเวลาเล่น ไปกับการเล่นแบบรีเพลย์ซ้ำ
ในระดับความยากของการเล่น เกมถูกออกแบบให้เริ่มต้นง่าย แต่ไล่เพิ่มความซับซ้อนขึ้น ตามความสามารถของตัวละคร ตัวอย่างเช่น MiniPeach จะใช้ท่าลอยหลบสิ่งกีดขวางได้ หรือ MiniBowser สามารถใช้สกิล Bowser Bomb ในการฝ่าอุปสรรคหนัก ๆ ได้ เป็นต้น
หลังจากเข้าใจถึงที่มาของการพัฒนา และระดับความยากในเกมภาค 7 นี้ เบื้องต้นแล้ว สิ่งที่ขาดไม่ได้ที่ควรรู้ต่อไป คือการมองลึกไปที่กลไกการเล่น กับสิ่งที่แตกต่างจากเกมภาคก่อนหน้า ที่เปิดตัวให้เล่นปี 2015 ที่ผ่านมา เพราะ 2 ประเด็นนี้
คือหัวใจที่บอกได้ชัดเจนว่า ทำไมเกมปี 2016 จึงทำให้เกมภาคนี้ ไม่เหมือนกับเกมมาริโอปะทะดองกี้ ภาคใด ๆ ที่ผ่านมา ทั้งในวิธีควบคุม, การใช้ Amiibo เป็นศูนย์กลาง ไปจนถึงมีปริมาณคอนเทนต์ให้เล่นลดลง
หัวใจหลักเกมมาริโอปะทะดองกี้คอง ปี 2016 คือการผสมผสานระหว่างกลไกเกมปริศนา ของซีรีส์เกมนี้ กับระบบอะมีโบที่สามารถใช้งานได้จริง ผู้เล่นต้องใช้สไตลัส บนเครื่องเล่น 3DS หรือ Wii U GamePad ในการสร้างเส้นทางต่าง ๆ เพื่อเคลื่อนย้ายวัตถุที่ผู้เล่นต้องการ (17 สิงหาคม 2025) [3]
ตัวอย่างเช่น สร้างเส้นทางเพื่อพากลุ่มมินิตัวเล็ก ๆ ไปให้ถึงประตูเป้าหมาย โดยด่านถูกออกแบบให้สั้น แต่มีความเข้มข้น ซึ่งจะมีสิ่งกีดขวางเข้ามาขัดจังหวะ อย่างการมี Boos หรือมีรถเข็นเหมือง ที่บังคับให้ผู้เล่นคิดหลบสิ่งต่าง ๆ แบบเรียลไทม์
การเล่นแบบนี้ อาจดูคล้ายภาคก่อน แต่สิ่งที่แปลกใหม่จากเดิม คือทุกการปลดล็อกตัวละครพิเศษ ต้องพึ่งการใช้ตัวละครอะมีโบที่แตกต่างกัน ซึ่งแตกต่างจากระบบปกติ ที่เปิดให้ทุกคนเข้าถึงได้ ทุกตัวละคร
เมื่อเปรียบเทียบกับภาค 6 ปี 2015 จะเห็นความแตกต่างอย่างชัดเจน อย่างเกมภาคก่อน ยังคงให้ผู้เล่นเข้าถึงเนื้อหาได้เต็ม แม้ไม่มีอุปกรณ์เสริม แต่ในเกมภาคนี้ การออกแบบกลับย้ายสิ่งสำคัญของการเข้าถึงคอนเทนต์ต่าง ๆ ในเกม ไปไว้ที่ฟิกเกอร์ที่ต้องสะสม การเล่นเพื่อเก็บครบ 100% ในเนื้อหาของเกม
ต้องใช้ฟิกเกอร์อะมีโบ ของ MarioUniverse กว่า 10 ตัว และต้องเล่นด่านหลักซ้ำหลายรอบ ในขณะที่ภาคก่อน ยังรักษาความรู้สึกของการเป็นเกมปริศนาเอาไว้ แต่ในเกมภาคนี้ กลับถูกมองว่าเป็นโปรเจกต์เสริม ที่มีเนื้อหาในเกมให้ติดตาม น้อยกว่าค่าเฉลี่ยของเกมในซีรีส์ราว 30 ถึง 40% เมื่อเทียบกับภาคเต็ม
รีวิว Mario vs DonkeyKong เกมภาค 7 ของซีรีส์ที่ทั้งน่าสนใจ และเป็นเกมที่ชวนตั้งคำถามไปพร้อมกัน การนำอะมีโบเข้ามาเพิ่มความหลากหลาย ให้ตัวละครในเกม และกลไกใหม่ที่สดใส กว่าภาคก่อนหน้า ทำให้เกมภาคนี้ กลายเป็นเกมที่มีข้อจำกัด ในการเข้าถึงจริง
ข้อดีของเกมภาค 7 นี้ อยู่ที่การออกแบบให้เป็นเกมฟรี สำหรับผู้เล่นที่มี Wii U หรือ 3DS และสะสมฟิกเกอร์อะมีโบอยู่แล้ว ระบบการปลดล็อกมินิตัวละครหลัก ทั้ง 11 ตัวพร้อมสกิลเฉพาะ ทำให้เกมมีความสดใหม่ และช่วยเพิ่มความคิดสร้างสรรค์ให้กับผู้เล่น
ข้อเสียคือเกมนี้ พึ่งพาฟิกเกอร์อะมีโบมากเกินไป โดย 80 ถึง 90% ของคอนเทนต์เสริมในเกม จะถูกล็อกไว้ ทำให้ผู้เล่นที่ไม่มีของสะสมเหล่านี้ สามารถเล่นได้เพียง MiniSpek ที่ไม่มีสกิลพิเศษเท่านั้น อีกทั้งยังมีด่านให้เล่นน้อย และเป็นเกมที่มีระยะเวลาเล่นที่สั้น จนเล่นจบได้ภายในวันเดียว