
รีวิวเกม MariovsDonkey 2 การบัญชาการกองทัพ MiniMario
- Good Day's
- 116 views
รีวิวเกม MariovsDonkey 2 ปี 2006 เกมที่มาพร้อมกับการเปลี่ยนแปลง ที่ทำให้แฟนเกมหลายคนประหลาดใจ จากการเป็นเกมพัซเซิลที่เราคุ้นเคย อย่างในเกมภาคที่ 1 ในบทความ รีวิวมาริโอ ปะทะดองกี้ ก่อนหน้านี้ กลายเป็นการควบคุมกองทัพ Mini Mario บนจอสัมผัส
แม้ Mario vs Donkey Kong 2 ภาค March of the Minis จะถูกมองว่าเป็นเกมภาคต่อ ของเกมมาริโอปะทะดองกี้คอง ที่เปิดตัวให้เล่นเมื่อปี 2004 ในแฟรนไชส์เกมมาริโอ แต่สิ่งที่ทำให้ซีรีส์เกม ภาคต่อนี้ ดูโดดเด่นกว่า คือการกล้าพลิกแกนการเล่นหลักของเกม (8 สิงหาคม 2025) [1]
ด้วยการเสริมฟีเจอร์ ที่มีความยืดหยุ่นต่อการเล่น และเป็นฟีเจอร์ที่อาจช่วยเพิ่มความสนุก บนเกมพัซเซิล การเปลี่ยนวิธีควบคุมจากตัวละคร เพียงตัวเดียว สู่การควบคุมกองทัพเล็ก ๆ ของกลุ่มมินิมาริโอตัวจิ๋ว
MariovsDonkeyKong ภาคที่สอง เปิดตัวให้เล่น เมื่อวันที่ 25 กันยายน ปี 2006 เป็นเกมที่สลัดภาพเดิมของเกมภาคแรกออกไปทั้งหมด จากการที่ให้ผู้เล่นบังคับมาริโอ เปลี่ยนมาเป็นการสั่งการกองทัพ Mini Mario ผ่านจอสัมผัส ของ Nintendo DS (29 กรกฎาคม 2025) [2]
โดยแทนที่จะกระโดดข้ามหลุม หรือหลบศัตรูด้วยตัวเอง ในเกมภาคนี้ผู้เล่นต้องใช้การวางแผนเส้นทาง, การกดปุ่มควบคุม ให้เหล่ามินิมาริโอเดิน หรือกระโดด การเปลี่ยนบทบาทจากผู้เล่น เป็นผู้บัญชาการ ทำให้เกมดูเล่นง่ายขึ้น และแตกต่างจากการเล่นเกมของภาคก่อน
และระบบนี้ ยังยกระดับความท้าทาย ด้วยการควบคุมได้หลายตัวพร้อมกัน ในสภาพแวดล้อมที่ต่างกัน และจังหวะการเดินต่าง ๆ อาจทำให้มินิมาริโอตัวหนึ่ง ตกจากทาง หรือไปชนกับอุปสรรคได้ เป็นต้น
สิ่งที่ทำให้เกมมาริโอภาคที่สอง ไม่ได้กลายเป็นแค่เกมพัซเซิลที่เล่นจบ วนกลับมาเล่นใหม่ แต่คือฟีเจอร์ปลดล็อก กับความท้าทายที่ถูกเสริมเข้ามา อย่าง Plus Mode และ Expert Levels ที่จะเปิดขึ้นก็ต่อเมื่อผู้เล่นทำภารกิจตามเงื่อนไขเสร็จสิ้น ยกตัวอย่างเช่น ผ่านด่านด้วยการรับเหรียญทองครบ ตามจำนวน
หรือเคลียร์ด่านภายในเวลาที่กำหนด โหมดเหล่านี้ จะมีการวางกับดักแบบหลายชั้น หรือการใช้ศัตรูในตำแหน่งต่าง ๆ บีบให้ผู้เล่นต้องใช้ความรวดเร็ว ในการเล่น และต้องพา Mini ไปถึงเป้าหมายให้ครบ โดยไม่มีตัวใดตัวหนึ่ง ตกหล่น โดยอีกหนึ่งฟีเจอร์การเล่นหลัก ๆ ของเกม
คือโหมดสร้างด่านเอง ผู้เล่นสามารถออกแบบ และอัปโหลดด่านผ่าน Nintendo Wi-Fi Connection โดยเป็นระบบที่เปิดให้ ถึงปี 2014 ทำให้เกิดคอมมูนิตี้เล็ก ๆ ที่ได้มีการแลกเปลี่ยนไอเดียกัน เกิดขึ้น ระบบนี้ จึงกลายเป็นสะพานที่เชื่อมแฟนคลับเกมมาริโอหลายซีรีส์ เข้าด้วยกัน
หลังเข้าใจแล้วว่าเกมมาริโอปะทะดองกี้คอง ภาค March of the Minis สร้างความแตกต่างจากเกมภาคก่อนหน้า ด้วยระบบการควบคุม และฟีเจอร์เสริมอย่างไร ในหัวข้อถัดไป จะเป็นการพาทำความเข้าใจว่าองค์ประกอบเหล่านี้ ส่งผลต่อผู้เล่นอย่างไร หรือจุดเด่นกับจุดที่อาจขัดใจผู้เล่น มีอะไรบ้าง
สิ่งที่เป็นจุดเด่นของเกมภาคนี้ คือการใช้ระบบควบคุมจอสัมผัส ให้กลายเป็นหัวใจหลักของการเล่น แบบเต็มตัว โดยในปี 2006 ตอนที่เกมเปิดตัว นับว่าเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนว่า Nintendo DS สามารถสร้างประสบการณ์ใหม่ ๆ ได้มากกว่าเกมปุ่มกดแบบเดิม ๆ (26 กรกฎาคม 2025) [3]
การบังคับ MiniMario หลายตัวพร้อมกัน ให้เดิน, ให้กระโดด หรือให้รอ จะสร้างความรู้สึกเหมือนกำลังดูขบวนพาเหรดเล็ก ๆ ที่เราวางแผนเส้นทางไว้เอง การเดินทางไปยังทิศทางต่าง ๆ และการคำนวณเวลาในแต่ละด่านให้ดี จะทำให้ผู้เล่นรู้สึกว่าทุกการเคลื่อนไหวนั้น มีค่า
รวมถึงทุกการสั่งการ คือส่วน 1 ของการแก้ปริศนา นอกจากระบบควบคุมแล้ว ความหลากหลายของด่านทั้งหมดราว ๆ 80 ด่าน ก็เป็นจุดขายสำคัญของตัวเกม และเมื่อรวมกับโหมด Plus หรือ Expert ที่ยกระดับความยากที่มีเยอะขึ้น ก็เป็นโหมดที่ผู้เล่นกลับมาเล่นซ้ำ เพื่อพิชิตเป้าหมายในเกมอยู่บ่อย ๆ
อย่างไรก็ตามเกมมาริโอปะทะดองกี้คอง ก็อาจมีจุดที่ไม่ถูกใจผู้เล่นทุกคน โดยเฉพาะผู้เล่นที่คาดหวังความท้าทายที่มีเยอะกว่า ตั้งแต่การเล่นครั้งแรก โดยภายในด่านของเกมช่วงครึ่งแรก จะถูกออกแบบให้เล่นค่อนข้างง่าย เพื่อสอนให้ผู้เล่นเข้าใจระบบก่อน ซึ่งอาจทำให้แฟนเกมภาคแรก
หรือผู้เล่นที่ชินกับเกมที่มีความเข้มข้นกว่า รู้สึกว่าจังหวะการไต่ระดับความยากนั้น ช้าเกินไป นอกจากนี้ การควบคุมผ่านหลายตัวละคร แม้จะเป็นจุดเด่นของเกม แต่ในบางสถานการณ์ ที่ต้องสั่งการหลายตัวพร้อมกัน ในเส้นทางซับซ้อน ก็อาจเกิดความผิดพลาด จากการบังคับไม่ตรงจุด
อาจส่งผลให้ MiniMario หลุดเส้นทางได้ง่าย อีกด้านหนึ่ง เนื้อเรื่องของภาคนี้ ถูกลดความสำคัญลงอย่างเห็นได้ชัด เมื่อเทียบกับภาคแรก ที่เน้นการผจญภัยกับการเผชิญหน้าของ Mario กับ Donkey Kong ที่ดูมีน้ำหนักมากกว่า
รีวิว MariovsDonkeyKong 2 เกมที่เป็นบทพิสูจน์ว่า เกมของซีรีส์มาริโอปะทะดองกี้คอง สามารถเล่าเรื่องราวต่าง ๆ ที่แตกต่างออกไปจากเกมภาคเดิมได้สำเร็จ ความลงตัวระหว่างระบบควบคุม แบบจอสัมผัส การออกแบบด่านที่ดูท้าทาย และฟีเจอร์ที่ต่ออายุการเล่น ทำให้เกมยังถูกพูดถึงบ่อย ๆ อยู่เสมอ
เกมมาริโอ ปะทะ ดองกี้คอง ภาคสอง ต่างกับเกมอื่น ตรงที่ย้ายจุดโฟกัสจากการบังคับตัวละครหลัก เพียงตัวเดียว เข้าสู่การบัญชาการกองทัพ MiniMario หลายตัวพร้อมกัน บนจอสัมผัส ซึ่งบังคับให้ผู้เล่นต้องคิดจัดการเอาชนะสิ่งต่าง ๆ แบบเป็นระบบ มากกว่าแก้ปริศนาเฉพาะหน้า
เกมนี้เหมาะกับผู้เล่นที่ชอบใช้ความคิด เกี่ยวกับการวางแผนแบบเป็นขั้นเป็นตอน หรือเหมาะกับผู้เล่นที่รักการแก้ปริศนา แบบที่ต้องการควบคุมตัวละครหลายตัวพร้อมกัน และเหมาะกับคนที่ชื่นชอบความหลากหลายของด่าน ที่ค่อย ๆ เพิ่มความซับซ้อน ในระหว่างการเล่น เป็นต้น