รีวิวเกม DrMario Express หยุดการแพร่ระบาดของไวรัส ปี 2008
- Good Day's
- 127 views
รีวิวเกม DrMario Express ปี 2008 หนึ่งในผลงานที่พิสูจน์ว่าความสนุก ไม่จำเป็นต้องมาพร้อมความใหญ่โต หรือต้องเป็นเกมที่มีความซับซ้อน ในโลกของเกมพกพา ที่เต็มไปด้วยตัวเลือกมากมาย การเปิดตัวเกมที่มาพร้อมแนวคิดว่าเล่นได้ทุกที่ และจบได้ในไม่กี่นาที จึงเป็นสิ่งสำคัญที่ผู้เล่นไม่ควรมองข้าม
เกมคุณมาริโอ เอ็กซ์เพรส ในแฟรนไชส์ Mario เป็นเกมที่ถูกออกแบบมาให้มีความแตกต่าง จากเกมซีรีส์เกมคุณหมอมาริโอทั้งหมด ของบริษัทผู้ผลิตนินเท็นโด โดยเป็นวิธีการเล่นแบบใหม่ที่ผสมเข้ากับตัวเกมยุคเก่า ทั้งด้านขนาดตัวเกม, รูปแบบการเล่น และวิธีเสน่ห์การเล่าเรื่องราวต่าง ๆ (8 สิงหาคม 2025) [1]
จุดเริ่มต้นซีรีส์เกมภาคนี้ ที่เปิดตัวให้เล่น วันที่ 24 ธันวาคม ปี 2008 ในประเทศญี่ปุ่น และเปิดตัวอีกครั้ง วันที่ 20 เมษายน ปี 2009 ในทวีปอเมริกาเหนือ เกมภาคนี้ เป็นเกมที่สานต่อรูปแบบการเล่นของเกมภาคเดิม ที่เปิดให้เล่นในปี 1990 โดยการใช้หลักการเรียงแคปซูลสีให้ตรงกับไวรัส (16 มีนาคม 2025) [2]
ซึ่งในเวลานั้น เกมรูปแบบนี้ถือเป็นการนำ Mario ออกจากโลกแพลตฟอร์มเดิม มาเข้าสู่เกมแนว Puzzle เป็นครั้งแรก และความสำเร็จที่ได้รับ หลังเปิดตัวเกมภาคแรก ทำให้เกิดการรีเมคเกมหลายครั้ง เช่นการนำรูปแบบการเล่นแบบเดิม นำเข้ามาผสมกับระบบการเล่นใหม่ ๆ ในเกม Tetris & Dr. Mario ปี 1994
มาจนถึงเกมเวอร์ชันนี้ ที่ได้มีการลดขนาดเกม และตัดโหมดผู้เล่นหลายคนออก เหมือนกับเกมภาคก่อนหน้า เกม DrMario 64 ในบทความ รีวิวเกม DrMario 64 ก่อนหน้านี้ เพื่อเน้นความกระชับสำหรับผู้เล่นที่ต้องการประสบการณ์ แบบการเล่นเกมพกพา และสามารถเล่นจบในไม่กี่นาที เป็นหลัก
ซีรีส์เกม DrMarioExpress พัฒนาโดย Arika สตูดิโอจากประเทศญี่ปุ่น เป็นสตูดิโอที่มีประสบการณ์ในการสร้างเกมรูปแบบ Puzzle กับเกมต่อสู้ อย่างเช่น Tetris The Grand Master ที่เปิดตัวให้เล่นไป เมื่อปี 1998 ด้วยความเชี่ยวชาญด้านการออกแบบระบบ ที่ต้องอาศัยความแม่นยำกับจังหวะ
ทำให้ Arika เหมาะกับการดึงหัวใจ ของ Dr. Mario มาปรับให้เล่นได้ลื่นบนเครื่องเล่น Nintendo DSi ที่มีข้อจำกัดด้านขนาดไฟล์ และประสิทธิภาพการทำงาน ประกอบกับการจัดจำหน่ายโดยบริษัทนินเท็นโดเอง จึงทำให้เกมยังคงเอกลักษณ์เดิม แต่มีโครงสร้างที่เหมาะกับการเล่นสั้น ๆ ได้ทุกที่
แรงบันดาลใจสำคัญ ในการสร้างเกมภาคนี้ มาจากความต้องการสร้างเกมเวอร์ชัน ที่เข้าถึงง่ายเหมือนที่เกิดขึ้น กับเกมภาคอื่น ๆ ของแฟรนไชส์ และปรับให้ตอบโจทย์ผู้เล่นเดี่ยว ที่ใช้เครื่องเล่น DSi ซึ่งเพิ่งเปิดตัวในญี่ปุ่น เดือนพฤศจิกายน ปี 2008
การเข้าใจว่าเกมภาคนี้เล่นอย่างไร และถูกออกแบบให้เหมาะกับเครื่องเล่นเกมนินเท็นโด รุ่น DSi อย่างไร จะช่วยให้เห็นว่าเกมมีการปรับระบบการเล่น และเนื้อหาให้ลงตัวกับจอเล็ก รวมถึงปรับให้ลงตัวกับการเล่น ในระยะสั้น ๆ โดยไม่ได้เป็นแค่เกมย่อส่วนของเกมต้นฉบับ เพียงเท่านั้น
หัวใจหลักของการเล่นเกมคุณหมอมาริโอ ภาคนี้ ยังใช้สูตรการเล่นแบบดั้งเดิมของเกมในซีรีส์ คือการใช้แคปซูลที่มี 2 สี นำไปวางให้ตรงกับไวรัส 3 สี ภายในขวดแก้ว เมื่อเรียงสีเดียวกัน ได้ครบ 4 ช่อง ในแนวนอน หรือแนวตั้ง ไวรัสกับแคปซูลสีเหล่านั้น จะหายไป (19 กรกฎาคม 2025) [3]
การเล่นต้องอาศัยการวางแผนล่วงหน้า เพื่อกำจัดไวรัสในเกม อย่างมีประสิทธิภาพ ในขณะเดียวกันก็ต้องจัดการพื้นที่ในขวด เพื่อไม่ให้เต็ม เพราะเมื่อแคปซูลแตะขอบบนของขวดแก้ว เกมจะจบลงทันที และภายในตัวเกมภาคนี้ มีโหมดการเล่นอยู่ 2 โหมด
คือ Classic Mode ที่ให้ผู้เล่นแข่งกับเวลากับจำนวนไวรัส และ VS CPU Mode เป็นโหมดการเล่นที่ ต้องแข่งกับ AI บนหน้าจอของเครื่องเล่นเกม ผู้เล่นต้องพยายามเคลียร์ไวรัส เพื่อส่งแคปซูล ไปขัดจังหวะ AI โดยเป็นโหมดการเล่นที่จะช่วยสร้างบรรยากาศ ของการแข่งขัน แม้ไม่มีผู้เล่นคนอื่นเล่นอยู่ด้วย
เนื้อหาของเกมภาคนี้ และการออกแบบถูกปรับให้เหมาะสม กับข้อจำกัดของเครื่องเล่นเกมนินเท็นโด รุ่น DSi โดยเฉพาะ สิ่งแรกที่เห็นชัด คือการตัดโหมดผู้เล่นหลายคนออกไป เพื่อให้ขนาดไฟล์เกมมีขนาดที่เล็ก และสามารถโหลดเกมได้เร็ว
ซึ่งเป็นเกมที่พัฒนามาจากแนวคิด เกมที่เน้นเกมเล่นสั้น และเข้าถึงง่าย นอกจากนี้ หน้าจอสองเครื่องเล่นที่รองรับ จะแบ่งแสดงสนามแข่งขันของผู้เล่น กับสนามของคู่แข่ง แบบ 2 จอ ทำให้ไม่ต้องสลับมุมมองไปมา และสามารถติดตามสถานการณ์ต่าง ๆ ในเกมได้ทันที
เพื่อลดสิ่งรบกวนสายตาเมื่อเล่นในเวลา และยังมีการปรับสมดุลความเร็วของแคปซูลกับจำนวนไวรัสให้เหมาะสม กับรอบการเล่นที่ใช้เวลา 10 ถึง 20 นาทีต่อการเล่น 1 รอบ ทำให้เกมตอบโจทย์การเล่นระหว่างเดินทาง หรือเล่นช่วงพักสั้น ๆ ได้
รีวิว DrMarioExpress 2008 ซีรีส์เกมที่อาจไม่ได้มีโหมด หรือคอนเทนต์มากเท่าเกม ที่ใช้เล่นบนเครื่องเล่นเกมคอนโซล แต่ด้วยความตั้งใจ ในการปรับให้ตัวเกมให้เข้ากับเครื่องเล่นเกมนินเท็นโด แบบพกพา ทำให้เกมภาคนี้ กลายเป็นเกมพกพาที่มีความลงตัว ทั้งในเรื่องของความสนุก และสามารถเข้าถึงได้ง่าย
เกม DrMarioExpress ถูกออกแบบมาให้เข้ากับจังหวะการเล่นแบบพกพา ตัวเกมปรับขนาดไฟล์เกมให้เล็กลง เพื่อให้ตัวเกมโหลดไวขึ้น และเป็นเกมที่พัฒนาออกมา เพื่อเล่นในระยะเวลาสั้น อย่างการเพิ่มโหมดปะทะ AI ที่สามารถเล่นจบได้ ใน 10 ถึง 20 นาที
ในยุคที่เกมส่วนใหญ่ ดึงผู้เล่นให้อยู่กับหน้าจอ เป็นชั่วโมง เกมมาริโอ ภาค Express กลับเสนอความสนุกที่เข้มข้น แต่ไม่กินเวลาชีวิต และการเล่นรอบสั้น จะช่วยให้ผู้เล่นสามารถฝึกการคิด, ฝึกการวางแผนล่วงหน้า และฝึกการตัดสินใจ ภายใต้แรงกดดันได้ ซึ่งเป็นทักษะที่ใช้ได้จริง ในหลายสถานการณ์
