
รีวิวเกมกัปตัน Toad 2014 เกมนักล่าสมบัติ ที่ตัวรองก็ดังได้
- Good Day's
- 82 views
รีวิวเกมกัปตัน Toad 2014 ท่ามกลางจักรวาลเกมแฟรนไชส์มาริโอ ที่เต็มไปด้วยการกระโดด และการเคลื่อนไหวแบบฉับไว ยังมีอีก 1 เกม ที่เลือกจะเดินสวนทาง จากเกมภาคต่าง ๆ เหล่านี้ อย่างเกมในบทความ รีวิวเกม DrMario World ที่เป็นเกมปริศนาเวอร์ชันเต็ม ที่พัฒนามาจากมินิเกมเล็ก ๆ
แม้ว่าปัจจุบัน เกมกัปตันโทด ตอนนักล่าสมบัติ ของแฟรนไชส์ Mario จะถูกจดจำว่าเป็นเกมปริศนา ที่แยกตัวออกมาแล้วประสบความสำเร็จ แต่กว่าเกมภาคนี้ ที่เปิดตัวให้เล่นในปี 2014 จะกลายเป็นเกมเต็มนั้น มีจุดเริ่มต้นมาจากแนวคิดเล็ก ๆ ที่ซ่อนอยู่ใน SuperMario 3D World (25 สิงหาคม 2025) [1]
ก่อนจะถูกทางบริษัทนินเท็นโด นำมาปรับปรุงใหม่จนกลายเป็นผลงานที่ยืนได้ด้วยตัวเอง จนถึงปัจจุบัน การปรับเปลี่ยน และพัฒนาเกมภาคนี้ ทำให้เห็นถึงแนวคิดนอกกรอบของทีมพัฒนา ในการสร้างเกมที่มีความแตกต่าง จากเกมของแฟรนไชส์ที่มีให้เล่น ตามแพลตฟอร์มหลักต่าง ๆ
แนวคิดของ Captain Toad Treasure Tracker เริ่มต้นในปี 2013 ก่อนจะถูกเปิดตัวให้เล่นจริง วันที่ 13 พฤศจิกายน ปี 2014 โดยตัวเกมถูกพัฒนามาจากด่านมินิเกมเล็ก ๆ ที่ซ่อนอยู่ในเกม Super Mario 3D World ปี 2013 ซึ่งถูกเรียกว่า CaptainToad Levels (1 สิงหาคม 2025) [2]
โดยด่านเหล่านี้ ออกแบบให้ผู้เล่นได้พักมือ จากความเร็วของการบังคับมาริโอ แล้วมาสำรวจพื้นที่ขนาดเล็ก ที่มีปริศนาซ่อนอยู่มากมาย กับตัวละครกัปตันโทดแทน ความพิเศษของเกม คือการควบคุมกัปตันโทด ที่ไม่สามารถกระโดดได้ เหมือนมาริโอ แต่จะให้ผู้เล่นต้องพึ่งการหมุนกล้อง
และการใช้เส้นทางแทนการเคลื่อนไหว การปรับเปลี่ยนนี้ เผยให้เห็นถึงความต้องการทดสอบ การเล่าถึงเกมเพลย์ ด้วยข้อจำกัดต่าง ๆ และผลตอบรับก็ดีพอที่จะต่อยอดเป็นเกมเดี่ยว เมื่อด่านย่อยได้รับความนิยม ทางทีมงานผู้ผลิตเกมของนินเท็นโด ก็หยิบเอามินิเกมเหล่านี้ นำมาต่อยอดจนกลายเป็นเกมภาคนี้
เบื้องหลังการพัฒนา ได้แนวคิดจากการทำให้มินิเกมเหล่านี้ กลายเป็นเกมเวอร์ชันเต็ม โดยทางบริษัทนินเท็นโด ต้องการให้ผู้เล่นได้เล่นเกม ที่ใช้การหมุนกล้องแทนการเคลื่อนที่ เหมือนเกมทั่วไป จากนั้น ทีมงานก็เริ่มพัฒนาต้นแบบขึ้น มากกว่า 100 ด่าน ก่อนจะคัดเลือกมาเป็นเซตหลักในตัวเกม
พร้อมเพิ่มกลไกย่อย อย่างการดึงคันโยก, การปาสิ่งของ หรือการใช้รถเข็นเหมือง เพื่อไม่ให้เกมปริศนารู้ว่า มีรูปแบบซ้ำเดิม และการให้ตัวละครกัปตันโทด เป็นตัวหลัก แทนการใช้ตัวละครมาริโอ ถือเป็นครั้งแรก ที่นินเท็นโดปล่อยเกมเต็มที่มีตัวละครรอง เป็นตัวนำเรื่องราว (19 สิงหาคม 2025) [3]
ด้วยบุคลิกที่น่ารัก และความแปลกใหม่ จากการไม่มีทักษะกระโดด กลับกลายเป็นเอกลักษณ์ที่ทำให้เกมนี้ แตกต่างจากซีรีส์หลัก เหมือนเกมภาคอื่น ๆ ในแฟรนไชส์
สิ่งที่ทำให้เกมภาคนี้ น่าสนใจไม่แพ้เกมอื่น คือกลไกการเล่นที่ตั้งอยู่บนข้อจำกัด และเสียงตอบรับที่แตกเป็นหลายมุมมอง เพราะในขณะที่ทางบริษัทนินเท็นโด กำลังตั้งใจพลิกข้อจำกัดของตัวละครโทด ให้กลายเป็นตัวละครที่มีเอกลักษณ์ อย่างที่เห็น เกมก็ต้องเผชิญกับเสียงตอบรับ จากนักวิจารณ์มาก่อน
สิ่งที่ทำให้เกมภาคนี้ แตกต่างจากเกมมาริโอภาคหลัก ทั่วไป คือการออกแบบตัวละครที่ไม่สามารถกระโดดได้ เพราะกระเป๋าเป้ที่ใหญ่เกินไปที่กัปตันโทดแบกเอาไว้ ทำให้เขาไม่สามารถทำแบบนั้นได้ เหมือนกับมาริโอ โดยความตั้งใจที่ให้โทดแบกกระเป๋านั้น เป็นผลงานที่ผลิตโดย Nintendo
ที่ต้องการพลิกระบบเกมเพลย์ จากการเล่นแบบแอ็กชัน ที่เน้นไปที่การกระโดด สู่การเล่นแบบเกมรูปแบบพัซเซิล ที่เน้นไปที่การสำรวจ และการปรับหมุนกล้อง เพื่อเดินทางแทน ผู้เล่นต้องหาทางเดินไปถึงดาว ในแต่ละด่านให้ได้ โดยอาศัยการหมุนกล้อง เพื่อมองเส้นทางที่ถูกซ่อนเอาไว้
การดึงคันโยกเพื่อเปิดทาง และการใช้สิ่งแวดล้อม อย่างหัวผักกาด หรือระบบที่มีเอาไว้ใช้กำจัดศัตรู ทำให้เกมปริศนาเหล่านี้ ถูกออกแบบให้มีด่านขนาดที่เล็ก ที่สามารถจบได้ ภายในไม่กี่นาที แต่ซ่อนรายละเอียดให้กลับมาเล่นซ้ำ เพื่อเก็บไอเทมต่าง ๆ ให้ครบ 100% ตามเนื้อเรื่องของเกม
ตั้งแต่เปิดตัวบน Wii U ในปี 2014 เกมได้รับคำวิจารณ์ ในเชิงบวกที่ดีไม่มากก็น้อย สำหรับเกมภาคที่ใช้ตัวละครรอง นำมาเป็นพระเอก นักวิจารณ์ชื่นชมเรื่องงานศิลป์, รายละเอียดเล็ก ๆ ในด่าน และบุคลิกของ CaptainToad ที่ทำให้เกมดูอบอุ่น รวมถึงทำให้เกมดูเป็นมิตร
นอกจากนี้ การใช้ GamePad ของ Wii U และระบบ Motion บนเครื่องเล่นเกม Switch ก็ได้รับคำชมว่าเป็นการใช้ฮาร์ดแวร์ที่มอบประสบการณ์ใหม่ ๆ ให้กับการเล่น อย่างไรก็ตาม เกมก็มีข้อวิจารณ์พอสมควร โดยเฉพาะเรื่องกล้อง ที่บางครั้งกลายเป็นอุปสรรค แทนที่จะเป็นเครื่องมือแก้ปริศนา
และความยาวของคอนเทนต์หลัก ที่ใช้เวลาเล่นเพียง 10 ถึง 12 ชั่วโมง ทำให้ผู้เล่นสายฮาร์ดคอร์ มองว่าไม่คุ้มค่า แม้จะมีโหมดเสริมเข้ามา แต่โดยรวมก็ยังถือว่าไม่มากพอที่จะเทียบกับเกมใหญ่ ของนินเท็นโด เสียงวิจารณ์เหล่านี้ เผยให้เห็นว่าเกมนี้ เป็นเกมที่เหมาะกับการเล่นเพลิน ๆ มากกว่าการเล่นระยะยาว
รีวิวเกมกัปตันโทด นักล่าสมบัติ จากปี 2014 เกมที่ไม่ได้ชูความยิ่งใหญ่ หรือชูความอลังการของการเปลี่ยนแปลง แต่เลือกใช้ความเล็ก และข้อจำกัดเป็นจุดขาย ด้วยระบบการเล่นที่ไม่มีการกระโดด เหมือนเกมต่าง ๆ ในแฟรนไชส์ Mario แต่กลับกลายเป็นตัวสร้างเสน่ห์ใหม่ ของเกมปริศนาพัซเซิล ในปัจจุบัน
ข้อดีของเกมภาคนี้ อยู่ที่การพลิกข้อจำกัดให้กลายเป็นเอกลักษณ์ การที่ตัวละครกัปตันโทด ไม่สามารถกระโดดได้ ทำให้เกมนี้ เน้นการเล่นไปที่การแก้ปริศนาในพื้นที่ต่าง ๆ ในด่าน 70 ด่าน และใช้การหมุนกล้อง เพื่อเดินทางแทน ซึ่งแตกต่างจากซีรีส์เกมมาริโอ ภาคหลักทั่วไป
ข้อเสียของเกมนี้ คือเนื้อหาหลักที่ค่อนข้างสั้น โดยเกมสามารถเล่นจบได้ ใน 12 ชั่วโมง ทำให้ผู้เล่นฮาร์ดคอร์รู้สึกไม่อิ่ม นอกจากนี้ ปัญหากล้องในบางด่าน ยังทำให้การแก้ปริศนาติดขัด แม้ตัวละครกัปตันโทด จะมีเสน่ห์เฉพาะตัว แต่ก็ยังขาดความลึก และความยืดหยุ่นของการเล่น กับการเล่าเรื่องราวต่าง ๆ