รีวิวมาริโอ Donkey Jr ซีรีส์เกมที่มาริโอรับบทเป็นผู้ร้าย
- Good Day's
- 149 views
รีวิวมาริโอ Donkey Jr ซีรีส์เกมมาริโอ ภาคต่อของมาริโอดองกีคอง ที่เขียน รีวิวมาริโอ Donkey Kong ไปก่อนหน้านี้ ถ้าในภาคแรก Mario คือฮีโร่ที่ช่วยผู้หญิงจากลิง แต่ในเกมดองกีคองจูเนียร์นี้ เขากลายเป็นคนที่จับลิงยักษ์ ขังเอาไว้ในกรงเหล็ก และคนที่ต้องออกมาช่วยดองกีคอง คือลูกลิงตัวเล็ก ที่ไม่มีอะไรเลย นอกจากสองมือและเถาวัลย์ จะเป็นอย่างไร สามารถติดตามเนื้อหาต่าง ๆ ต่อได้ดังนี้
ซีรีส์เกมมาริโอ Donkey Kong Jr. จากแฟรนไชส์ Mario ของบริษัทผู้จัดจำหน่ายนินเท็นโด จะเปลี่ยนจากเกมกระโดดแนวราบ แบบภาคแรก มาเป็นการปีนเถาวัลย์ในแนวตั้ง ที่วัดจังหวะกับความอดทนของผู้เล่น ผู้เล่นจะต้องควบคุมลิงน้อยที่กำลังไต่เถาวัลย์ โดยผู้เล่นต้องหลบสิ่งกีดขวาง อย่างนกไฟหรือจระเข้ลอยฟ้า และต้องบังคับให้ลิงน้อยใช้แรงเหวี่ยงเถาวัลย์ [1]
เพื่อข้ามไปยังช่องว่าง หรือเปลี่ยนเส้นทาง การจับเถาวัลย์ด้วยมือเดียว จะทำให้ลิงตัวน้อยให้เคลื่อนที่ช้า แต่เมื่อใช้สองข้างพร้อมกัน ความเร็วจะเพิ่มขึ้น ความง่ายของการควบคุม จึงเป็นเพียงการหลอกสายตาผู้เล่น เพราะเบื้องหลังของเกมได้มีการจัดวางศัตรู แบบตั้งใจ ให้ผู้เล่นตกอยู่ในแรงกดดันทุกวินาที ที่กำลังปีนขึ้นไปช่วยเหลือดองกีคอง
ในเกมมาริโอดองกีคอง ภาคแรก การกระโดดคือหัวใจหลักของเกม ผู้เล่นต้องใช้จังหวะกระโดด เพื่อหลบสิ่งกีดขวาง และไต่ขึ้นไปทีละชั้น เพื่อช่วยเหลือพอลลีน แต่ในเกมภาคต่อ อย่างซีรีส์เกม Donkey KongJr ภาคนี้ การเล่นเกมจะเปลี่ยนจากกระโดดเป็นเส้นตรง มาเป็นการปีนแบบอ้อม ผู้เล่นไม่ได้พุ่งไปข้างหน้าเหมือนเกมก่อนหน้า แต่ต้องขยับขึ้นลงซ้ายขวา [2]
และต้องรีบตัดสินใจว่าจะใช้เถาวัลย์เส้นไหน หรือจะจับเถาวัลย์กี่ข้าง และจะเหวี่ยงเถาวัลย์เมื่อไร ทุกการเคลื่อนไหวของผู้เล่น จะเป็นเหมือนการต่อสู้กับพื้นที่ มากกว่าการหนีศัตรูแบบตรง ๆ การเปลี่ยนกลไกนี้ไม่ได้เป็นแค่การเปลี่ยนทิศทาง
แต่เปลี่ยนความรู้สึกการเล่นทั้งหมด จากเกมที่เล่นด้วยจังหวะหลบถังที่ถูกโยนลงมา ให้กลายเป็นเกมที่เล่นด้วยจังหวะการปีนเถาวัลย์ ที่ต้องเลือกจังหวะการข้ามให้ดี ๆ
ในเกมมาริโอดองกีคิงจูเนียร์ ตัวละครมาริโอ จะปรากฏตัวในบทบาทที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ในเกมภาคนี้ Mario ไม่ใช่ฮีโร่ผู้ช่วยหญิงสาวเหมือนกับเกมภาคแรก แต่กลับกลายเป็นผู้ร้าย ที่จับตัวดองกีคองเอาไว้ในกรงเหล็ก และคอยปล่อยอุปสรรคต่าง ๆ ออกมาขัดขวางลูกลิงตัวเล็ก ที่พยายามช่วยเหลือพ่อของเขา
ตามข้อมูลจาก Nintendo และบันทึกใน The Ultimate History of Video Games (Steven Kent) นี่เป็นเกมเดียวในประวัติศาสตร์ ของ Nintendo ที่มาริโอมีบทบาทอย่างชัดเจน ว่าเป็นวายร้ายที่อยู่ฝ่ายตรงข้าม ของผู้เล่น
มาริโอ DonkeyKong Jr ถูกพัฒนาในปี 1982 โดยทีมงานภายในบริษัท Nintendo ที่ยังอยู่ภายใต้การดูแลของ Shigeru Miyamoto และ Gunpei Yokoi โดยการนำเสนอเนื้อหาของเกมภาคที่ 2 นี้ เลือกจะไม่สานต่อแนวทางจากเกมมาริโอดองกีคอง ภาคแรก แบบตรงไปตรงมา แต่กลับวางโครงใหม่ทั้งหมด ทั้งระบบการเล่น และโทนของเกม [3]
อย่างเช่น การเปลี่ยนแนวการเคลื่อนไหวจากการเคลื่อนไหวแนวนอน ให้กลายเป็นเกมปีนป่ายแนวตั้ง หรือการออกแบบด่านที่มีความซับซ้อนมากกว่าเดิม ทั้งหมดนี้ สะท้อนให้เห็นว่าบริษัทนินเท็นโด ไม่ได้สร้างเกมภาคต่อ เพราะความสำเร็จของภาคแรก แต่เพราะต้องการพิสูจน์ให้เห็นว่าเกมอาเขต ก็สามารถเปลี่ยนแนวคิดการนำเสนอได้ เป็นต้น
จากการเปิดตัวเกมภาคแรก บริษัทนินเท็นโดก็ไม่ได้เปลี่ยนทีมพัฒนาแต่อย่างใด ชิเงรุ มิยาโมโตะยังคงเป็นผู้นำการออกแบบเกม และทีมงานชุดเดิมที่เคยสร้างเกมมาริโอดองกีคอง ปี 1981 เหล่านักพัฒนาเกมภาคต่อทั้งหมด ไม่เลือกจะผลิตเกมที่มีรูปแบบการเล่นซ้ำเหมือนอันเดิม แต่เลือกจะทดลองอะไรแบบใหม่ โดยเปลี่ยนรูปแบบการเล่น หรือการนำเสนอภาพต่าง ๆ ของเกม
ทั้งการปีนเถาวัลย์, การควบคุมความเร็ว ผ่านการจับเถาวัลย์มือเดียว หรือจับสองมือ และการใช้แรงเหวี่ยงแทนการกระโดด เกมที่มีรูปแบบการเล่นแนวทางนี้ ไม่ได้ใช้เทคโนโลยีใหม่ แต่เป็นการใช้วิธีคิดใหม่ของการนำเสนอ หรือการนำมาพัฒนาตัวเกมภาคนี้ ให้มีความแตกต่างออกไปจากเกมเดิม
หลังจากที่เกมมาริโอดองกีคองจูเนียร์ เปิดตัวให้เล่นในปี 1982 กระแสตอบรับของยอดขายถือว่าเป็นเกมที่ดี โดยเฉพาะในอเมริกาเหนือ และประเทศญี่ปุ่น โดยตอนนั้น ยังอยู่ในช่วงเฟื่องฟูของตู้เกมอาเขต และสามารถเล่นได้ บนหลากหลายแพลตฟอร์ม ตั้งแต่ NES, ColecoVision ไปจนถึง Atari 2600 แต่อย่างไรก็ตาม เสียงตอบรับจากผู้เล่น และนักวิจารณ์ในยุคนั้น เริ่มแตกออกเป็นสองฝั่ง
ฝั่งหนึ่งชื่นชมความกล้าในการเปลี่ยนแปลง ทั้งระบบการปีน และการสลับบทบาทของมาริโอ ขณะที่อีกฝั่งกลับมองว่าการออกแบบด่าน ถูกออกแบบมาให้ดูเล็กจนเกินไป และกลไกการควบคุมที่แปลกใหม่ ทำให้เกมเล่นยากขึ้นกว่าเดิม สื่อบางเจ้ายังแสดงความกังวลต่อเกมนี้เอาไว้ว่า อาจเป็นเกมที่เข้าใจยาก สำหรับผู้เล่นใหม่ เมื่อเทียบกับความตรงไปตรงมา ของเกมภาคแรก
รีวิวเกมมาริโอ DonkeyKong Jr ซีรีส์เกมภาคต่อที่กล้าท้าทายผู้เล่น และภาพจำของตัวละคร จากยุค 80 ด้วยระบบการปีนป่ายที่ไม่เหมือนใคร และการสลับบทบาทให้มาริโอกลายเป็นผู้ร้าย ซีรีส์เกมภาคต่อนี้ จึงไม่ได้พัฒนาขึ้นมา เพื่อเดินตามรอยมาริโอดองกีคอง ภาคแรก แต่เลือกสร้างทางใหม่ที่ยากกว่า และเสี่ยงกว่า แม้เสียงตอบรับจะแตกออกเป็น 2 ฝั่ง
แม้ตัวเกมจะไม่พูดคำว่าพ่อกับลูกตรง ๆ แต่ทุกองค์ประกอบ ในซีรีส์เกมภาค Donkey Jr ล้วนพาให้ผู้เล่นรู้สึกถึงความผูกพันแบบครอบครัว ลิงน้อยที่ไม่มีพลังพิเศษ ไม่มีอาวุธ ไม่มีคำบรรยาย แต่ต้องไต่ขึ้นไปช่วยลิงยักษ์ตัวใหญ่ให้รอดปลอดภัย จากคนที่เคยเป็นฮีโร่อย่างมาริโอ ความสัมพันธ์นี้ ถูกถ่ายทอดผ่านการเล่น ไม่ใช่ผ่านบทสนทนา จนกลายเป็นเกมที่เล่าเรื่องครอบครัวได้ ในพื้นที่ที่ไม่เคยมีใครทำ
เกมมาริโอดองกีจูเนียร์ ภาคที่ 2 ที่เปิดตัวให้เล่นเมื่อปี 1982 เป็นเกมที่ผู้เล่นจะต้องช่วยเหลือดองกีคอง ผู้ที่เคยเป็นวายร้าย ในเกมภาคแรกให้ได้ ด้วยการใช้ตัวละครลูกลิงตัวเล็กออกทำภารกิจนี้ การเล่นจะแตกต่างออกไปจากเกมภาคแรก โดยผู้เล่นจะต้องข้ามเถาวัลย์เส้นต่าง ๆ เพื่อข้ามไปช่วยเหลือดองกีคอง จากการกักขังของมาริโอให้ได้ และผู้เล่น จะต้องใช้ทักษะการกะจังหวะการเล่นให้ดี ๆ
