
รีวิวมาริโอ ปะทะดองกี้ ปี 2004 เวทีประลองไหวพริบบนเกมพัซเซิล
- Good Day's
- 113 views
รีวิวมาริโอ ปะทะดองกี้ 2004 เกมที่หยิบจิตวิญญาณ ของเกมซีรีส์ดั้งเดิม เมื่อปี 1994 อย่างเกม Donkey Kong นำมาสานต่อ พร้อมกับพลิกโฉมจังหวะการเล่น ให้กลายเป็นการผจญภัยในด่าน ที่เต็มไปด้วยกลไกพิเศษ และเป็นเกมที่เป็นจุดกำเนิดของซีรีส์เกม Mini Mario ในเวลาต่อมา
รีวิวมาริโอ ปะทะดองกี้ การพัฒนาเกมภาคนี้ ไม่ได้เกิดขึ้นแบบฉับพลัน แต่เป็นเกมที่ค่อย ๆ สร้างจากเกม ของแฟรนไชส์ Mario อย่างเกม DonkeyKong ที่ได้มีการเปิดตัวให้เล่นไป เมื่อวันที่ 14 มิถุนายน ปี 1994 ในประเทศญี่ปุ่น และในเกมมาริโอปะทะดองกี้คอง ภาคนี้ (8 สิงหาคม 2025) [1]
ไม่ได้เป็นแค่เกมอัปเกรดกราฟิก ที่นำเสนอออกมา เพียงอย่างเดียว แต่เป็นการปรับจังหวะการเล่น และโครงสร้างด่านต่าง ๆ ในเกมให้มีเอกลักษณ์แบบเฉพาะ จนเกิดเป็นเกมที่มีระบบการเล่นที่กระชับ และมีความท้าทาย ในเวลาเดียวกัน
เกมมาริโอ DonkeyKong ที่ใช้เล่นบน Game Boy ปี 1994 ไม่ได้เป็นการรีเมคเกมอาร์เคด ยุค 80 อย่างเกมดองกี้คอง ในบทความ รีวิวมาริโอ Donkey Kong เพียงเท่านั้น แต่เป็นการยกระดับแนวคิดของเกมเล่นเป็นด่าน และมีปริศนาต่าง ๆ ซ่อนอยู่ (8 สิงหาคม 2025) [2]
โดยตัวมาริโอไม่ได้แค่ปีนขึ้นไปช่วยเจ้าหญิง แต่เป็นการปรับให้การเล่น จะต้องใช้การวางแผน และไหวพริบเพื่อเคลียร์พื้นที่ โดยเฉพาะการถือของกับโยนของ และใช้สิ่งก่อสร้างในฉากให้เป็นประโยชน์ ซึ่งรูปแบบการเล่นเหล่านี้ กลายเป็นโครงสร้างหลัก ที่ทางบริษัทนินเท็นโดนำไปต่อยอด ในเกมที่นำมารีวิว
โดยการเปลี่ยนจังหวะเกม ให้เน้นแก้ปริศนาเป็นหลัก และลดความเร่งรีบของการเล่นลง รวมถึงออกแบบด่านต่าง ๆ ให้มีความท้าทาย ทำให้ผู้เล่นสามารถเรียนรู้แพทเทิร์น และทดสอบวิธีแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ได้ไม่มีสิ้นสุด
ระบบด่าน ของซีรีส์เกมมาริโอ ปะทะ ดองกี้คอง ที่เปิดตัวให้เล่นเมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม ปี 2004 ถูกออกแบบให้มี 2 ช่วงเวลาเล่น คือช่วงที่ให้ผู้เล่นไล่หากุญแจ และนำไปไขประตู โดยผู้เล่นจะต้องใช้การสังเกตเส้นทาง รวมถึงจดจำจังหวะการเคลื่อนที่ของศัตรู (3 สิงหาคม 2025) [3]
ขณะที่ช่วงเวลาเล่นที่ 2 จะเปลี่ยนเป้าหมายการเล่น เป็นการคุ้มกัน MiniMario หุ่นจิ๋วแทน และต้องพาหุ่นจิ๋วมินิมาริโอ ไปถึงปลายทางอย่างปลอดภัย การสลับโหมดแบบนี้ ทำให้การเล่นในด่านเดียว ผู้เล่นจะต้องใช้ 2 เทคนิค ในเวลาเพียงไม่กี่นาที นอกจากนี้ การออกแบบเกมที่ให้มีสองช่วงเวลาการเล่น
จะมีความยากกับจังหวะการเล่นที่ต่างกัน ทำให้ต้องปรับโหมดความคิดตลอดเวลา ซึ่งไม่เพียงแต่สร้างความท้าทาย แต่ยังช่วยป้องกันความจำเจของการเล่นเกม ด่านเหล่านี้ ยังทำให้เกมสามารถสอดแทรกกลไกใหม่ ๆ ได้ เช่นแม้เล่นไปหลายชั่วโมง เกมก็ยังคงมีอะไรให้ค้นหา และมีอะไรให้ทดสอบอยู่เสมอ
การที่เกมนี้ไม่ได้ออกแบบมาให้ผู้เล่นเพียงแค่วิ่ง และกระโดดไปถึงเส้นชัย แต่ต้องใช้ความเข้าใจในระบบควบคุม กับการจัดการกับสิ่งของในเกม คือการทำให้ทุกด่าน เป็นเหมือนกับบทเรียนย่อย ๆ ที่สอนให้ผู้เล่นค่อย ๆ เชื่อมโยงการกระทำกับผลลัพธ์ และเมื่อเข้าใจหลักพื้นฐานการเล่นแล้ว
เกมก็จะค่อย ๆ ผลักให้ผู้เล่นนำทักษะเหล่านี้ ไปใช้ในสถานการณ์จริง ที่มีความซับซ้อนมากกว่า ซึ่งเป็นเหตุผลที่ระบบการควบคุม และไอเทมกลไกพิเศษต่าง ๆ ในเกมนี้ ถูกออกแบบให้ทำงานร่วมกัน อย่างลงตัว
1 ในหัวใจหลักของการเล่นเกมมาริโอภาคนี้ คือการปรับการเล่นแบบดั้งเดิม ให้เข้ากับเกมบนเครื่องเล่น Game Boy Advance การควบคุมหลัก ๆ จะเป็นการใช้ปุ่มบนหน้าจอเครื่องเล่นเกมบอยแอดวานซ์ อย่างการกดปุ่ม 4 ทิศทาง จะทำหน้าที่บังคับการเคลื่อนที่ของตัวละครในเกม (28 กรกฎาคม 2025) [4]
การใช้ปุ่ม A จะทำให้ตัวละครที่บังคับกระโดด หรือการกดปุ่ม B จะเป็นการหยิบสิ่งของ ซึ่งในเกมภาคนี้ ถูกสร้างมาเพื่อให้ผู้เล่นใหม่ปรับตัวได้เร็ว แต่ก็ยังมีเลเยอร์การเล่นที่ทำให้ผู้เล่นเก่า ยังมีความรู้สึกท้าทายอยู่ ยกตัวอย่างเช่น ในบางด่านผู้เล่นต้องผสมการกระโดดหลายรูปแบบ ในเวลาเดียวกัน
เพื่อเลี่ยงกับดักหรือศัตรูภายในเกม ซึ่งเป็นการทดสอบความชำนาญที่มีความสนุก และทำให้ผู้เล่นต้องฝึกการกะจังหวะ กับวางแผนล่วงหน้า รวมถึงยังเป็นการควบคุมที่ถูกสร้างมา เพื่อให้ผู้เล่นใหม่ปรับตัวได้เร็ว
เมื่อผ่านการฝึกควบคุมพื้นฐานแล้ว เกมจะค่อย ๆ เปิดตัวไอเทมกลไกพิเศษ อย่างเช่น กุญแจ, แผ่นสปริง, สายพาน หรือแม้แต่บล็อกที่สามารถขยับได้ ไอเทมแต่ละชิ้น ไม่ได้มีไว้เพื่อความสวยงาม แต่เป็นตัวต่อ ในสมการแก้ปริศนาของแต่ละด่าน ผู้เล่นต้องพิจารณาลำดับการใช้ไอเทมเหล่านี้ อย่างรอบคอบ
เพราะการหยิบกุญแจก่อน หรือวางบล็อกผิดจังหวะ อาจทำให้ต้องเริ่มด่านใหม่ ตั้งแต่ต้น จุดเด่นคือการออกแบบให้ไอเทม และระบบกระโดด ให้ทำงานร่วมกันได้อย่างกลมกลืน เช่นต้องกระโดดขึ้นบล็อกที่ขยับได้ เพื่อไปถึงสายพานที่จะพาไปยังพื้นที่ที่มีกุญแจ แล้วใช้กุญแจนั้นไขประตู ในเวลาจำกัด
รีวิวมาริโอปะทะดองกี้ ซีรีส์เกมที่พัฒนามาจากเกมยุค 90 เป็นเกมที่ออกแบบระบบการเล่นออกมาไม่เหมือนใคร ด้วยระบบการเล่น 2 ช่วงเวลาที่ผู้เล่น จะต้องรับมือกับสถานการณ์ต่าง ๆ เอาไว้ให้ได้ ไม่ได้เป็นเพียงเกมรีเมค ที่มีหน้าที่ช่วยเหลือเจ้าหญิง จากดองกี้คองเหมือนภาคที่ผ่าน ๆ มา เพียงอย่างเดียว
เพราะเกมมาริโอปะทะดองกี้คอง ภาคนี้ เป็นภาคแรกที่นำหุ่น Mini Mario เข้ามาเป็นหัวใจหลัก ของการเล่นเกม เพื่อผ่านด่าน และใช้เป็นเป้าหมายของการชนะเกม ด้วยการต้องช่วยมินิมาริโอ และใช้หุ่นเพื่อแก้ปริศนาต่าง ๆ ในเกม จึงทำให้เกมภาคนี้ กลายเป็นรากฐานการเล่นที่กำลังจะเห็น ในเกมภาคต่อไป
เพราะแม้เวลาจะผ่านไป 20 ปี แต่ระบบด่านที่มีการเล่น 2 ช่วงเวลา ผสมเข้ากับการแก้ไขปริศนาต่าง ๆ ยังเป็นเกมที่ให้ความรู้สึกสดใหม่ อยู่เสมอ เนื่องจากเกมแนวนี้ ทุก ๆ ด่าน จะเป็นสิ่งที่ผู้เล่นไม่อาจคาดการณ์ได้ล่วงหน้า และระบบการเล่นเหล่านี้ ในยุคปัจจุบัน ยังถือว่าเป็นแนวการเล่นที่ยังคงนิยมกันอยู่