
รีวิวมาริโอปาร์ตี้ Star Rush 2016 เกมปาร์ตี้ แห่งความหัวร้อน
- Good Day's
- 121 views
รีวิวมาริโอปาร์ตี้ Star Rush เกมปาร์ตี้ ที่ปรับแต่งจากเกมในแฟรนไชส์ ภาคก่อนหน้า อย่างเกมปาร์ตี้ภาคทัวร์เกาะ ในบทความ รีวิวมาริโอปาร์ตี้ Island Tour ที่เปิดตัวออกมา ในปี 2013 เพื่อทดลองระบบการเล่นต่าง ๆ ก่อนที่ระบบการเล่นใหม่เหล่านี้ จะมีให้เล่นในเกมมาริโอ ภาคสตาร์รัช ปี 2016 ภาคนี้
เกม Mario Praty สตาร์รัช แฟรนไชส์มาริโอ เป็นเกมที่ทางนินเท็นโด กำลังสานต่อแนวคิดระบบการเล่นเกม ของเกมภาคก่อน และเพิ่มโหมดการเล่นใหม่ ๆ ที่อาจดีกว่าแบบเดิมเข้าไป โดยสิ่งเหล่านี้ เป็นการปรับการเล่นให้ง่าย และเป็นโหมดการเล่นที่เข้าใจง่าย กว่าระบบเดิม (18 กรกฎาคม 2025) [1]
เมื่อทุกอย่างถูกพัฒนาออกมาเป็นอย่างดี คำถามสำคัญจึงไม่ได้อยู่ที่ว่าเกมนี้ เล่นง่ายและดีกว่าแค่ไหน แต่เป็นคำถามที่ว่าความเร็ว หรือการเป็นเกมภาคใหม่ที่ดีกว่านี้ ยังเป็นเกมที่จะทำให้แฟนเกมมาริโอ ที่ชอบเล่นเกมแนวปาร์ตี้ยุคเก่า หันกลับมาสนใจเกมได้มากน้อยแค่ไหน
ซีรีส์เกมมาริโอ Star Rush เกมที่เปิดตัวให้เล่น วันที่ 7 ตุลาคม ปี 2016 เป็นเกมที่เปลี่ยนวิธีคิด เกี่ยวกับการสร้างเกมซีรีส์ MarioParty ภาคเดิมอย่างสิ้นเชิง ด้วยการออกแบบหลักการเล่น ให้ทุกคนต้องเดินพร้อมกัน บนบอร์ดเกมแบบกริด โดยไม่มีระบบผลัดเทิร์นตามลำดับ อีกต่อไป (29 กรกฎาคม 2025) [2]
โดยเป้าหมายหลัก ในเกม คือการแข่งกัน ไปยังจุดบอส, การรวบรวมเพื่อนร่วมทีม และเข้าเล่นโหมดมินิเกม ที่มีให้เล่นระหว่างการเดินทาง ทิศทางการเล่นแบบนี้ ถูกออกแบบออกมาเพื่อเร่งจังหวะการเล่น และลดการรอคิวในแบบเดิม รวมถึงเป็นการสะท้อนแนวคิดของการเล่นเกม ที่ผู้เล่นจะต้องตัดสินใจเอง
เมื่อทุกคนมีอิสระในกรอบสี่เหลี่ยมเหมือนกัน จะทำให้ความเร็วในรอบการเล่น มีความเร็วเพิ่มขึ้น และสิ่งที่หายไป อาจเป็นการเล่นที่ต้องแย่งไอเทมกัน หรือไม่มีการสร้างเหตุการณ์ร่วม แบบเกมภาคเก่า ที่มีการขโมยดาว หรือการใช้ไอเทม เพื่อแกล้งกัน หลักการเล่นจึงเป็นการเล่น ที่เน้นไปที่ความเรียบง่ายแทน
โหมดมินิเกม ในเกมมาริโอปาร์ตี้ ภาค StarRush ถูกออกแบบมาเพื่อสอดรับกับโหมดต่าง ๆ อย่างเช่น Toad Scramble, Coinathlon, Balloon Bash และ Challenge Tower โดยการเน้นความเร็วของรอบการเล่น, เน้นการเล่นที่ควบคุมง่าย และเน้นไปที่การเล่นแบบแยกคะแนนรายคน เป็นหลัก
โดยสิ่งที่น่าสังเกต คือแม้มินิเกมเหล่านี้ จะมีความหลากหลาย และมีรอบเล่นที่จบไว แต่ก็มักจะถูกแยกออกจากการสื่อสาร กับผู้เล่นคนอื่น การขัดขวางหรือพลิกเกมที่เคยเป็นแก่น ในมินิเกมยุคแรก กลายเป็นแค่การแข่งขัน ที่แต่ละคน ต้องทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด
หากมองวิธีการเล่นเกมมาริโอปาร์ตี้ ภาคสตาร์รัช ปี 2016 กับโหมดการเล่นมินิเกมที่มีในเกมแล้ว จะเห็นได้ชัดว่าเกม Mario Party ภาคนี้ ไม่ได้เปลี่ยนเพียงกลไกการเล่นเท่านั้น แต่เปลี่ยนวิธีที่ผู้เล่นมีปฏิสัมพันธ์กัน กับผู้เล่นคนอื่น ๆ การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ ไม่ได้เกิดขึ้นมาโดยบังเอิญ
เกิดจากความตั้งใจ ที่ฝังอยู่ในแนวคิดการออกแบบ ของทีมผู้พัฒนาเกม และในเนื้อหานี้ จะพามาย้อนดูว่าพวกเขาสร้างซีรีส์เกม ภาคสตาร์รัชนี้ขึ้นมา เพื่อจุดประสงค์อะไร และตัดอะไรออกไป จากสิ่งที่เกมเคยมีให้เล่นบ้าง
ทีมพัฒนาของนินเท็นโด พยายามออกแบบ Mario Party StarRush ให้กลับมาเน้นความรู้สึก ของการเล่นพร้อมกันอีกครั้ง เหมือนกับเกมปาร์ตี้ของแฟรนไชส์ยุคแรก ๆ อย่างเกมภาค 7 ในบทความ รีวิวมาริโอ Party 7 ที่เปิดให้เล่น วันที่ 7 พฤศจิกายน ปี 2005 และได้นำเอาระบบ Turn Based กลับมาใช้งาน
เพื่อลดปัญหาการรอคิว และตอบโจทย์แฟนเกม ที่ต้องการเล่นเกม เหมือนที่เคยเล่นในอดีต ในระบบที่เร็วกว่าเดิม จุดประสงค์ คือการเร่งจังหวะการเล่น โดยยังคงให้ผู้เล่นอยู่บนกระดานเดียวกัน
พร้อมกับการเปิดโหมดใหม่ ๆ ให้เล่น เพื่อช่วยให้ผู้เล่นรู้สึกมีส่วนร่วมมากขึ้น แบบไม่ต้องรอนาน เหมือนการเล่นเกมปาร์ตี้ แบบเดิม
สิ่งที่ทำให้เกมมาริโอ Party สตาร์รัช แตกต่างจากภาคก่อนหน้า ไม่ใช่แค่ระบบเดินบนบอร์ดเกม แต่เป็นแนวคิดในการจัดการจังหวะผู้เล่น แทนที่จะให้ผู้เล่นวางแผนคนละเทิร์น เหมือนในเกมภาคคลาสสิก เกมนี้ กลับทำให้ทุกคน มีอิสระพร้อมกันบนกระดาน โดยจะเน้นไปที่การเล่น เหมือนเดิม (2025) [3]
ตัวอย่างเช่น การไม่รอเทิร์นผู้เล่นคนก่อนหน้า หรือไม่มีการบีบให้ต้องคิดก่อนเล่น นอกจากนี้ เกมมาริโอสตาร์รัช ยังพยายามลดการแกล้ง หรือลดการแข่งขันแบบกดดันลง ทั้งในมินิเกม และการเก็บดาว ส่งผลให้ภาพรวมเกม กลายเป็นเกมที่เล่นแบบไม่ต้องคิดมาก แต่ก็อาจมีอาการหัวร้อนได้
เกมมาริโอ ปาร์ตี้ StarRush จากปี 2016 เป็นเกมที่เลือกใช้ความเร็วเป็นเครื่องมือ ด้วยการปรับปรุงเกมภาคก่อนหน้า ให้กลายเป็นเวอร์ชันที่ดีกว่า และยังมีโหมดมินิเกม ให้เลือกเข้าเล่นหลากหลาย ความคล่องตัว และระบบที่ฉลาดขึ้น อาจเพิ่มประสบการณ์การเล่นที่ผู้เล่น ต้องการเห็นในเกมภาคก่อนหน้า
MarioParty StarRush จะมีโหมดมินิเกม ให้เลือกเล่นหลากหลาย ทั้ง Coinathlon, Balloon Bash หรือ Challenge Tower แม้ทุกโหมด จะยึดหลักแข่งแบบแยกกัน เหมือนเกมภาคทัวร์เกาะ ปี 2013 แต่ระบบที่ปรับปรุงใหม่ จะทำให้ผู้เล่นส่วนใหญ่ พบเจอประสบการณ์การเล่นที่ต่างจากเดิม แบบสิ้นเชิง
เกม MarioParty StarRush ต่างจากภาคก่อนหน้า ในจังหวะของการเล่นที่ต้องเล่นร่วมกัน เกมไม่ได้เปลี่ยนแค่ระบบเดิน หรือโหมดมินิเกมที่มี แต่เลือกลดความรู้สึกระหว่างเล่น ให้เย็นลง และความต่างนี้ ทำให้ภาคนี้ กลายเป็นเกมปาร์ตี้ ที่สร้างบรรยากาศของตัวเกม ให้แตกต่างออกไป จากเกมภาคก่อน