รีวิวมาริโอปะทะดองกี้ Tipping Stars ดาวเด่นแห่งวงการ 2015
- Good Day's
- 96 views
รีวิวมาริโอปะทะดองกี้ Tipping Stars เกมภาค 6 ปี 2015 เกมแนวแก้ไขปริศนา จากบริษัทนินเท็นโด ซีรีส์เกม ที่ทำให้หลายคนนึกถึงเกม Puzzle Platformer แบบคลาสสิก ภาคต่าง ๆ ที่ใช้เล่นบนเครื่องเล่น Game Boy Advance หรือ Nintendo 3DS อย่าง รีวิวเกม MariovsDonkey 5 ในบทความก่อนหน้านี้
ทิศทางใหม่ที่เกมมาริโอปะทะดองกี้ TippingStars ในแฟรนไชส์ Mario ภาคนี้เลือกเดิน คือการเลือกวางน้ำหนัก ไปที่กลไกการเล่นเกมรูปแบบ Puzzle แบบพื้นฐาน ผสมกับระบบ Community ที่ให้ผู้เล่นสามารถมีบทบาทสร้างด่าน และแชร์ด่านต่อกันได้ (25 สิงหาคม 2025) [1]
Mario vs DonkeyKong TippingStars เปิดตัวในวันที่ 5 มีนาคม ปี 2015 บนเครื่องเล่นเกม Nintendo 3DS และเครื่องเล่น Wii U รวมถึงเกมภาคนี้ กลายเป็นเกมแรกของผู้ผลิตนินเท็นโด ที่ใช้ระบบ Cross Buy คือระบบซื้อครั้งเดียว สามารถเล่นเกมได้ 2 เครื่อง (24 สิงหาคม 2025) [2]
ฟีเจอร์นี้ อาจฟังดูธรรมดาในยุคปัจจุบัน แต่ในยุคที่เปิดตัวนั้น ถือว่าเป็นการทดลองครั้งใหญ่ ของบริษัทผู้ผลิต ที่ไม่ค่อยได้ทดลองระบบธุรกิจลักษณะนี้ มาก่อน การตัดสินใจนี้ เผยให้เห็นถึงความพยายามของบริษัท ที่ต้องการทดสอบการขายเกมแบบดิจิทัล ให้สามารถเชื่อมกันได้
ระหว่างเครื่องเล่นเกมพกพา และคอนโซลบ้าน ซึ่งกลายเป็นก้าวสำคัญก่อน จะไปถึงการเปิดตัวเครื่องเล่นเกม Nintendo Switch ที่บริบทของซีรีส์เกม MariovsDonkeyKong ภาคนี้ จะถูกวางบทบาทให้แตกต่างออกไป จากเกมหลักที่เคยเล่นในซีรีส์นี้
สิ่งที่ทำให้เกมมาริโอปะทะดองกี้คอง ปี 2015 แตกต่างแบบชัดเจน จากภาคก่อนหน้า อย่างเกมภาค Minis March Again ที่เปิดตัวให้เล่นเมื่อวันที่ 8 มิถุนายน ปี 2009 หรือเกม Mini Land Mayhem ที่เปิดตัวให้เล่น เมื่อปี 2010 คือการที่นินเท็นโด ลดบทบาทของมาริโอลง (17 สิงหาคม 2025) [3]
จนแทบหายไปจากเรื่องราวหลักในเกม และผลักดันกลุ่มมินิมาริโอ ให้กลายเป็นตัวละครหลักในเกมแบบเต็มตัว โดยเกมภาคนี้ แทบไม่มีการเล่าเรื่องใหม่ แต่หันมาโฟกัสที่เกมรูปแบบพัซเซิล แบบให้ตัวละครเดินอัตโนมัติ และมีระบบแชร์ด่านออนไลน์ ที่ทำให้ผู้เล่นสามารถสร้างคอนเทนต์ต่อยอดกันเองได้
การเปลี่ยนแปลงนี้ มีทั้งข้อดีกับข้อเสีย โดยข้อดี คือทำให้เกมก้าวเข้าสู่เกมแนว Community Driven Game ที่ทำให้ด่านเสริมดูมีชีวิต กว่าด่านหลัก แต่ข้อเสียคือเสียงรีวิวช่วงปี 2015 มีประมาณ 1% บน Metacritic ได้มีการระบุว่าภาคนี้ เป็นเกมที่ชุมชนสร้างคุณค่าขึ้นมา มากกว่าตัวเกมเองสร้างขึ้นมาเอง
เนื้อหาต่อไป จะเป็นการพาทำความเข้าใจการเล่นเกมมาริโอ ปะทะ ดองกี้คอง 6 กับข้อจำกัด ของโหมดการเล่นเกมภาคนี้ เบื้องต้น โดยเป็นข้อมูลที่จะเผยให้เห็นว่าการพัฒนาเกม จากบริษัทนินเท็นโดในเกมภาคนี้นั้น เป็นอย่างไร และทำไมข้อจำกัดของการเล่นต่าง ๆ เหล่านี้ ยังถูกพูดถึงกันอยู่ ในปัจจุบัน
ระบบการเล่นเกมมาริโอปะทะดองกี้คอง ภาคที่ 6 จากปี 2015 ยังคงเป็นเกมที่ใช้รูปแบบการเล่นแบบ Puzzle เหมือนเกมภาคก่อนหน้า ที่ผู้เล่นจะต้องบังคับกลุ่ม Mini Mario ให้เดินไปยังทิศทางต่าง ๆ แบบอัตโนมัติ ซึ่งผู้เล่นต้องสร้างเส้นทางให้กับเหล่ามินิมาริโอ หรือต้องเปิดปิดกลไกต่าง ๆ ในด่านแต่ละด่าน
และพาเหล่าตุ๊กตาตัวเล็กเหล่านี้ ไปถึงเป้าหมายให้ได้ ซึ่งเป็นระบบการเล่นที่มีรากฐานสืบต่อ จากภาค MarchAgain และ MiniLand Mayhem แต่สิ่งที่ทำให้ภาคนี้โดดเด่น คือระบบ Community และการแชร์ด่าน ที่เปิดให้ผู้เล่น สร้างด่านแบบพัซเซิลขึ้นมาเอง แล้วอัปโหลดให้ผู้เล่นคนอื่นเล่นได้
ระบบนี้ ไม่ได้เป็นเพียงระบบแชร์ด่าน แต่เป็นระบบที่สามารถให้ดาว หรือทิปกับผู้สร้างด่านได้ เพื่อแสดงความพอใจ ทำให้การสร้างด่านของผู้เล่น ไม่ได้เป็นเพียงกิจกรรมเสริม อีกต่อไป แต่กลายเป็นกลไกหลักของเกมภาคนี้ ทั้งหมด
แม้ระบบ Community จะสร้างความสดใหม่ แต่ซีรีส์เกมมาริโอปะทะดองกี้คอง ภาค Tipping Stars ก็ยังคงใช้ระบบการเล่น ของเกมภาคก่อนหน้าเต็มตัว ทั้งในด้านการควบคุม MiniMario ที่ต้องให้เดินอัตโนมัติ หรือโครงสร้างเกมพัซเซิล ที่ไม่ได้แตกต่างจากภาคก่อนมากนัก
ทำให้ในแง่หนึ่ง เกมภาคนี้ คือความต่อเนื่องที่แฟนเกมคุ้นเคย แต่ในอีกด้านหนึ่ง กลับเป็นข้อจำกัดให้กับการพัฒนาเกม เพราะด่านหลักที่ทางนินเท็นโดทำออกมา ไม่ได้มีให้เลือกเยอะ หรือไม่ได้มีความท้าทายมากมายอะไร โดยไม่เพียงพอที่จะดึงให้ผู้เล่นติดตามเกม ๆ นี้
และจุดอ่อนอีกอย่าง คือการพึ่งพา Community มากเกินไป ด่านที่ผู้เล่นสร้างมีคุณภาพไม่เท่ากัน บางด่านดีมาก แต่บางด่านง่าย หรือมีความซ้ำซากเกินไป ส่งผลให้อายุการเล่นของเกม ขึ้นอยู่กับการเคลื่อนไหว ของผู้เล่นในชุมชน เป็นหลัก
รีวิวซีรีส์มาริโอปะทะดองกี้ TippingStars จากปี 2015 เกมภาคที่ไม่ได้ถูกจดจำว่าเป็นเกม ภาคที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของซีรีส์ แต่เป็นเกมภาคที่ทำหน้าที่ทดลองระบบการเล่นใหม่ ๆ แบบชัดเจน โดยมีจุดแข็งอยู่ที่การเปิดตัวระบบ Cross Buy และระบบ Community ที่ทำให้ผู้เล่นสร้างคุณค่าใหม่ให้เกมได้ อย่างต่อเนื่อง
ข้อดีภาคนี้ อยู่ที่ความเป็นเกมแรก ที่ใช้ระบบ CrossBuy แบบซื้อครั้งเดียวเล่นได้ทั้ง 3DS และ Wii U ถือว่าเป็นระบบที่แปลกใหม่ ในปีที่ตัวเกมเปิดตัว นอกจากนี้ ระบบ Community กับการแชร์ด่านที่สร้างขึ้นมาเอง ยังทำให้เกมมีชีวิตชีวาแบบต่อเนื่อง อย่างการที่ผู้เล่นสามารถแบ่งปันด่านต่าง ๆ ให้กันได้
ข้อเสียเกมภาคนี้หลัก ๆ คือด่านหลักที่นินเท็นโดสร้างมานั้น มีจำนวนไม่มาก และมีความท้าทายค่อนข้างต่ำ ทำให้ผู้เล่นหลายคนเล่นจบได้ ในเวลาไม่นาน อีกทั้งการพึ่งพาผู้เล่น ในชุมชนเกมมากเกินไป ก็อาจทำให้กลายเป็นดาบสองคม เพราะคุณภาพของด่าน ที่ผู้เล่นสร้างอาจมีความไม่สมดุลกับการเล่น
