แหล่งรวมเกมส์ชั้นนำ สล็อต คาสิโน บาคาร่า พร้อมระบบล้ำทันสมัย รวดเร็วทันใจ

ปั่นจักรยาน ฉบับมือใหม่ การเตรียมตัวและอุปกรณ์พื้นฐาน

ปั่นจักรยาน ฉบับมือใหม่

ปั่นจักรยาน ฉบับมือใหม่ เป็นกีฬาและวิธีการออกกำลังกายอีกประเภทหนึ่ง ที่กำลังได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เนื่องจากการปั่นจักรยาน จะช่วยให้คุณมีสุขภาพที่แข็งแรงแล้ว ยังมีประโยชน์ในด้านอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับสมอง และ ระบบการทำงานของร่างกาย

  • การปั่นจักรยานเริ่มขึ้นเมื่อใด
  • การฝึกปั่นสำหรับผู้เริ่มต้น
  • อุปกรณ์สำหรับปั่นจักรยาน

ความเป็นมา การปั่นจักรยาน

การแข่งขันปั่นจักรยาน หรือ cycling เป็นการใช้จักรยานในการเดินทาง ซึ่งจักรยานถือเป็นยานพาหนะที่เกิดขึ้นในศตวรรษที่ 19 และได้มีการพัฒนารูปแบบและประเภทของจักรยาน มาจนถึงปัจจุบัน ซึ่งปัจจุบันนี้มีผู้ใช้จักรยานมากกว่า 1 พันล้านคนทั่วโลก

การปั่นจักรยานเป็นอีกหนึ่งทางเลือก ของวิธีการเดินทาง ที่มีประสิทธิภาพสูง เหมาะกับการเดินทางในระยะกลาง ถือเป็นอุปกรณ์ที่มีประโยชน์มากมาย ช่วยในการออกกำลังกาย เกิดพลังงานหมุนเวียนที่ไม่มีวันหมด ไม่สร้างมลพิษทางอากาศ ลดการติดขัดของจราจร ใช้งานง่าย ประหยัดค่าเดินทาง และลดการใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น

ที่มา: การปั่นจักรยาน [1]

การปั่นจักรยานสำหรับผู้เริ่มต้น

สำหรับผู้ที่กำลังสนใจ และอยากจะเริ่มต้นในการปั่นจักรยาน กิจกรรมที่เป็นหนึ่งในวิธีการออกกำลังกาย เพื่อให้มีสุขภาพที่แข็งแรงนั้น ผู้ปั่นควรปฏิบัติตามข้อมูลที่จะกล่าวต่อไปนี้ เพื่อให้การปั่นจักรยานของคุณได้ผลลัพธ์ที่มีคุณภาพ และมีความปลอดภัย

  • การถีบด้วยความเร็วที่สม่ำเสมอ
    การถีบจักรยานในระดับความเร็วที่เหมาะสม และมีความสม่ำเสมอ จะช่วยทำให้คุณสามารถควบคุมและรักษาความเคลื่อนไหวของจักรยานได้
  • การสลับการถีบเร็วและช้า
    ในการเริ่มต้นปั่นจักรยาน ให้ผู้ปั่นสลับระหว่างการถีบเร็วและช้า เพื่อให้กล้ามเนื้อส่วนขาและหลังของผู้ปั่น ได้รับการทำงานทั้งหมด
  • ถีบจักรยานต่อเนื่อง
    ควรฝึกถีบจักรยานเป็นระยะเวลา 30-45 นาที เพื่อให้กล้ามเนื้อได้ทำงานอย่างต่อเนื่อง โดยควรฝึกถีบแบบต่อเนื่อง 2-3 ครั้ง / สัปดาห์
  • กำหนดเป้าหมายในการปั่น
    สำหรับนักปั่นมือใหม่ ควรมีการกำหนดเป้าหมายสำหรับการปั่นไว้ประมาณ 1.6-3.2 กิโลเมตร โดยปั่นในระดับความเร็ว ที่ทำให้หัวใจมีอัตราการเต้นอยู่ที่ ร้อยละ 60
  • การเพิ่มความเร็วเมื่อคุณพร้อม
    เมื่อคุณเริ่มปั่นจักรยานจนคล่องแล้ว คุณสามารถปรับระยะทางในการปั่นที่นานมากขึ้น รวมถึงการปรับเพิ่มความเร็วในการถีบ เป็นการท้าทายศักยภาพของตัวคุณเอง เพื่อไปสู่การปั่นจักรยานในระดับมืออาชีพ

ที่มา: เคล็ดลับ ปั่นจักรยานยังไงให้น้ำหนักลด [2]

อุปกรณ์พื้นฐานสำหรับการปั่นจักรยาน

  • จักรยาน
    สำหรับจักรยาน คุณสามารถใช้จักรยานทุกประเภทในการออกกำลังกายได้ แต่สำหรับบทความนี้ เราจะแนะนำจักรยานที่ได้รับความนิยม ในกลุ่มนักออกกำลังกายมากที่สุด 3 ประเภท คือ

เสือหมอบ: เป็นจักรยานที่เน้นปั่นบนเส้นทางเรียบ ล้อมีขนาดเล็ก ตัวแฮนด์โค้งต่ำ เหมาะสำหรับคนที่ชื่นชอบความเร็ว

ไฮบริด: เป็นลูกผสมระหว่างเสือภูเขาและเสือหมอบ เน้นการปั่นบนถนนเรียบ หรือขรุขระเล็กน้อย สามารถนั่งปั่นได้ด้วยท่าที่สบายกว่าเสือหมอบ โดยมีจุดเด่นอยู่ที่ แฮนด์ของจักรยานประเภทนี้ จะมีลักษณะตรง นั่นเอง

เสือภูเขา: เน้นการปั่นแบบขึ้นเขา ลงเนิน ทางดิน เป็นจักรยานที่มีขนาดล้อใหญ่ และมีโช้คอัพสำหรับซับแรงกระแทก เหมาะกับผู้ที่ชอบขับขี่แบบลุย

  • หมวกกันน็อคสำหรับจักรยาน
    เป็นอุปกรณ์ที่มีความสำคัญ ช่วยป้องกันศีรษะของผู้สวมใส่จากการกระแทก กรณีเกิดอุบัติเหตุขณะปั่น โดยหมวกกันน็อคสำหรับจักรยานก็จะมีอยู่หลายแบบ ที่มีความพิเศษ และสมบัติการใช้งานที่แตกต่างกันออกไป ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความเหมาะสม และความสะดวกของผู้ปั่นจักรยานในการเลือกใช้งาน
  • แว่นตาสำหรับจักรยาน
    เป็นอุปกรณ์สวมใส่ตา เพื่อป้องกันลม แมลง ในขณะการปั่น โดยผู้ปั่นสามารถสอบถาม หรือปรึกษาผู้เชี่ยวชาญจากร้านขายอุปกรณ์จักรยานเฉพาะทาง เพื่อช่วยในการตัดสินใจเลือกซื้อ
  • เสื้อปั่นจักรยาน
    ควรเลือกสวมใส่เสื้อเฉพาะ สำหรับการปั่นจักรยาน เพราะจะช่วยในการระบายความร้อน เหงื่อ และอากาศได้ดี ทำให้คุณสามารถปั่นจักรยานได้แบบคล่องแคล่ว ป้องกันการร้อนจนเกิดอาการฮีทสโตรก
  • กางเกงปั่นจักรยาน
    ควรเลือกสวมใส่กางเกง ที่ผลิตมาเพื่อการปั่นจักรยาน เพราะจะมีซับในช่วงก้น ที่ช่วยลดอาการบาดเจ็บ จากการนั่งเบาะจักรยานนาน ๆ
  • ถุงมือ
    การปั่นจักรยานเป็นเวลานาน อาจทำให้เกิดอาการเหงื่อออกที่มือ ซึ่งอาจจะส่งผลต่อการจับแฮนด์ ทำให้เกิดการลื่น หรือจับไม่ถนัด ดังนั้นเพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุ จึงควรที่จะต้องใส่ถุงมือเพื่อรองรับทุกครั้ง
  • ถุงเท้าข้อยาว
    การสวมถุงเท้าข้อยาว จะช่วยกันกระแทกจากบันไดจักรยานได้
  • รองเท้าออกกำลังกาย หรือ รองเท้าคลีท
    สามารถใช้รองเท้าผ้าใบทั่วไปในการปั่นได้ แต่ควรเลือกที่มีลักษณะพื้นรองเท้าที่แข็ง แต่สำหรับผู้ที่ต้องการปั่นจักรยานแบบจริงจัง แนะนำให้ใส่รองเท้าคลีทดีกว่า เนื่องจากพื้นรองเท้าคลีท จะมีตัวล็อกกับที่เหยียบขาบันไดจักรยาน ช่วยให้ผู้ปั่นควงขาได้เรื่อย ๆ โดยไม่ต้องออกแรงเหนื่อยเกินไป

หาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ เตรียมตัว ‘ปั่นจักรยาน’ อย่างไร สำหรับมือใหม่หัดปั่น ได้ที่ bangkokbiznews

วิธีเตรียมความพร้อมก่อนปั่นจักรยาน

ปั่นจักรยาน ฉบับมือใหม่
  • การยืดและวอร์มกล้ามเนื้อ
    เป็นขั้นตอนแรกที่มีความสำคัญ ก่อนการออกกำลังกายทุกชนิด เพราะในการออกกำลังกาย กล้ามเนื้อจะต้องมีการเคลื่อนไหว ยืดเหยียด และหดตัวมากกว่าช่วงปกติ ดังนั้นการวอร์มกล้ามเนื้อก่อนออกกำลังกาย จึงเป็นการเตรียมความพร้อมของร่างกายนั่นเอง
  • การเลือกใช้จักรยานที่เหมาะสม
    ในการปั่นจักรยาน ควรเลือกจักรยานที่เหมาะสมและเข้ากับสรีระร่างกายของผู้ปั่น เพื่อป้องกันไม้ให้เกิดอาการบาดเจ็บ เคล็ดขัดยอก หรืออาการปวดหลัง จากการใช้จักรยานที่ผิดประเภทได้
  • Safety Equipment
    ความปลอดภัยเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ต้องคำนึงถึงมากที่สุด  ดังนั้นการเลือกใช้ หมวกกันน็อค ควรเลือกอุปกรณ์ที่ได้มาตรฐาน มีขนาดที่พอดี กระชับ เพื่อป้องกันการเลื่อนหลุดในระหว่างการปั่น
  • รองเท้า
    ควรสวมใส่รองเท้าที่มีขนาดพอดีกับเท้า ไม่หลวมหรือแน่นมากเกินไป เพราะอาจทำให้เกิดอาการปวดเท้า หรือชาปลายเท้าได้
  • ใช้เกียร์ให้ถูกต้อง
    ระหว่างการปั่นจักรยาน ไม่ควรใช้เกียร์ที่หนักเกินไป เพราะอาจจะทำให้ผู้ปั่นต้องออกแรงในการถีบมากขึ้น ส่งผลให้เกิดแรงกดบริเวณหน้าเข่าเยอะ อาจทำให้เกิดอาการบาดเจ็บตามมาได้
  • ไม่ควรปั่นแบบหักโหม
    หากเริ่มรู้สึกมีอาการปวด หรือเจ็บที่ส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกาย แนะนำให้ควรหยุดพักการปั่น แล้วพบแพทย์เพื่อทำการตรวจเช็กสภาพร่างกาย เพื่อป้องกันการเกิดอาการบาดเจ็บที่รุนแรง

ที่มา: เตรียมความพร้อมก่อนปั่นจักรยาน ป้องกันกล้ามเนื้อบาดเจ็บ [3]

ประโยชน์ของการปั่นจักรยาน

  • เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของสมอง
    การปั่นจักรยานช่วยกระตุ้นการสร้างเซลล์สมองในส่วน Hippocampus (บันทึกความจำ) จึงทำให้คนที่ปั่นจักรยานเป็นประจำ มีผลการทดสอบสมองที่ดีกว่าคนไม่ปั่นถึง 15 %
  • ระบบเผาผลาญดี
    ในระหว่างที่คุณกำลังปั่นจักรยาน ร่างกายของคุณก็กำลังทำการเผาผลาญไขมันส่วนเกิน แต่เมื่อคุณหยุดปั่น ร่างกายของคุณยังคงทำการเผาผลาญพลังงานไปอีกประมาณ 2-3 ชั่วโมง จึงทำให้คนที่ปั่นจักรยานเป็นประจำ มีระบบการเผาผลาญของร่างกายที่ดี
  • ขับถ่ายสะดวก
    การปั่นจักรยานช่วยกระตุ้นการไหลผ่านของอาหาร ลดการดูดซับน้ำของลำไส้ใหญ่ ทำให้เกิดการขับถ่ายที่สะดวก ซึ่งผลวิจัยนี้ ได้รับการยืนยันจาก ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพ จากมหาวิทยาลัยบริสตอล ประเทศอังกฤษ
  • ลดความเครียด
    การปั่นจักรยาน ทำให้คุณได้ใช้ช่วงเวลาว่างกับเพื่อน ๆ ได้พบปะผู้คนมากยิ่งขึ้น จึงเป็นอีกหนึ่งวิธีการ ที่ช่วยให้คุณรู้สึกผ่อนคลายจากความเครียด ได้ปลดปล่อยอารมณ์ไปตามธรรมชาติ
  • ช่วยให้หลับสนิท
    การออกกำลังกาย โดยวิธีการปั่นจักรยานในทุก ๆ เช้า จะช่วยลดปัญหาการนอนไม่หลับ ลดความเครียด ทำให้รู้สึกผ่อนคลาย ส่งผลทำให้ร่างกายหลับสนิทยิ่งขึ้น

วิธีการปั่นจักรยานอย่างไรให้ปลอดภัย

  • สำหรับนักปั่นจักรยานมือใหม่ แนะนำให้เริ่มฝึกปั่นจักรยานในบริเวณพื้นที่โล่งรอบบ้าน หรือ พื้นที่สวนสาธารณะ ที่มีลานสำหรับปั่นจักรยานโดยเฉพาะ เพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุ
  • ควรปั่นจักรยานด้วยความมั่นใจ และฝึกปั่นให้คล่อง ควรฝึกใช้สายตา ในการมองข้ามหัวไหล่ เพื่อใช้ในการมองดูรถที่มาจากด้านหลัง
  • ควรฝึกบังคับจักรยานด้วยมือเดียว เผื่อกรณีฉุกเฉิน ที่ต้องมีการใช้มืออีกข้าง ในการส่งสัญญาณเลี้ยวซ้าย-ขวา
  • ควรสวมหมวกกันน็อคสำหรับจักรยานทุกครั้ง และปฏิบัติตามกฎจราจร
  • แนะนำให้ปั่นจักรยาน ในช่องสำหรับจักรยานโดยเฉพาะ เพื่อความปลอดภัยของตัวคุณและเพื่อนร่วมถนน
  • ไม่ควรสวมหูฟัง หรือ ใช้มือถือในขณะที่ปั่นจักรยาน เพราะอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุ และอันตรายแก่ตัวเองและผู้อื่นได้

กล่าวโดยสรุป ปั่นจักรยาน ฉบับมือใหม่

กล่าวโดยสรุป ปั่นจักรยาน ฉบับมือใหม่ เป็นบทความที่ได้รวบรวมเอาวิธีการเตรียมสำหรับ บุคคลที่กำลังสนใจในกิจกรรมการปั่นจักรยาน ทั้งเพื่อการออกกำลังกาย และการกีฬา อุปกรณ์จำเป็นที่ควรรู้ วิธีการปั่นจักรยาน ประโยชน์ที่คุณจะได้รับจากกีฬาชนิดนี้ เป็นอีกหนึ่งกีฬาที่มีความน่าสนใจ และสามารถเริ่มฝึกเรียนรู้ได้ด้วยตัวเอง

การปั่นจักรยานเหมาะกับใคร?

การปั่นจักรยานเหมาะกับคนทุกเพศทุกวัย โดยสามารถปั่นแบบสบาย ๆ เพื่อความสนุก เพลิดเพลินกับคนในครอบครัว หรือเป็นการปั่นแบบออกทริป กีฬา สำหรับคนที่มีทักษะในการปั่นที่ยอดเยี่ยม

ควรปั่นจักรยานวันละกี่นาที?

การปั่นจักรยานที่เหมาะสม ควรปั่นจักรยานแบบต่อเนื่อง โดยใช้เวลาประมาณ 30-45 นาทีต่อวัน และ 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์

Facebook
Twitter
Telegram
LinkedIn
ข้อมูลผู้เขียน

แหล่งอ้างอิง