
ประวัติ สุนัขน้ำโปรตุเกส เพื่อนแท้แห่งท้องน้ำ
- Pet Noi
- 122 views
ประวัติ สุนัขน้ำโปรตุเกส ไม่ได้เป็นเพียงเรื่องเล่า ของสุนัขสายพันธุ์หายาก แต่คือร่องรอยความผูกพัน ระหว่างคนกับสัตว์ ที่สืบทอดมายาวนาน จากผู้ช่วยชาวประมงโปรตุเกส สู่การยอมรับในเวทีสากล ทั้งหมดนี้คือเหตุผล ที่ทำให้ “สุนัขน้ำโปรตุเกส” ถูกยกให้เป็นเพื่อนแท้แห่งท้องน้ำ จนถึงทุกวันนี้
“สุนัขน้ำโปรตุเกส” มีต้นกำเนิดเก่าแก่ ตั้งแต่ราวศตวรรษที่ 12 จากประเทศโปรตุเกส โดยถูกบันทึกว่าเคยอยู่เคียงข้างชาวประมง แถบชายฝั่งโปรตุเกส หน้าที่หลักคือ ช่วยลากอวน, ต้อนปลา, กู้อุปกรณ์ตกปลา, เก็บอวนที่หัก และส่งข้อความระหว่างเรือ (1 สิงหาคม 2025) [1]
ตามข้อมูล ประวัติ สุนัขน้ำโปรตุเกส ในศตวรรษที่ 20 โดยเฉพาะช่วงทศวรรษ 1930 มีการพัฒนาสายพันธุ์อย่างจริงจัง โดยผู้เพาะพันธุ์ชื่อดัง ทำให้ในปี 1950 สุนัขน้ำโปรตุเกสเริ่มมีมาตรฐานพันธุ์ชัดเจน ก่อนจะได้รับการยอมรับจาก American Kennel Club (AKC) ในปี 1983
จุดเริ่มต้นของสุนัขน้ำโปรตุเกส หรือโปรตุกีส วอเตอร์ด็อก เกี่ยวพันอย่างใกล้ชิด กับวิถีชีวิตของชาวประมง ริมฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติก ตั้งแต่ราวศตวรรษที่ 12 – 13 สุนัขเหล่านี้ถูกฝึกให้ดำน้ำเก็บอวน ต้อนฝูงปลาเข้ามาใกล้เรือ และทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยที่ว่องไวในทะเล
เอกสารเก่าเมื่อปี 1297 มีการบันทึกถึงสุนัข ที่มี “ขนหยิกและว่ายน้ำเก่ง” ซึ่งนักวิชาการเชื่อว่า เป็นรากฐานของสายพันธุ์นี้ ในยุคต่อมา พวกมันยังถูกใช้เป็น “ผู้ส่งสาร” ระหว่างเรือประมง โดยคาบข้อความ หรืออุปกรณ์จากลำหนึ่ง ไปอีกลำหนึ่ง
เนื่องจากพวกมันเป็นสุนัขฉลาด และเชื่อฟังคนมาก ๆ แถมยังฝึกง่าย เพราะมีความกระตือรือร้นมากพอ ด้วยบทบาทเหล่านี้เอง ทำให้ชาวประมงโปรตุเกสมองว่า สุนัขพันธุ์นี้ไม่ใช่แค่สัตว์เลี้ยง แต่เป็นเพื่อนแท้ และแรงงานสำคัญของครอบครัว (2025) [2]
แม้สุนัขน้ำโปรตุเกสจะมีประวัติยาวนาน แต่เกือบสูญหายไป ในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 จนเหลือเพียงไม่กี่สิบตัว การอนุรักษ์สายพันธุ์เริ่มจริงจัง ราว ๆ ปี 1930 โดยนักเพาะพันธุ์จากลิสบอน ที่พัฒนาสุนัขขึ้นมาใหม่ จากประชากรที่ยังเหลืออยู่
ต่อมา American Kennel Club (AKC) ก็ให้การยอมรับในปี 1983 และ United Kennel Club (UKC) รับรองในปี 1984 ปัจจุบันมีสุนัขน้ำโปรตุเกส ได้จดทะเบียน ผ่านการรับรองกับ AKC กว่า 10,000 ตัว และยังคงเป็นพันธุ์ที่จัดว่าหายาก เมื่อเทียบกับรีทรีฟเวอร์สายพันธุ์อื่น ๆ
สุนัขน้ำโปรตุเกสได้รับฉายานี้ เพราะทำงานเคียงข้างชาวประมง มาตลอดหลายศตวรรษ พวกมันว่ายน้ำเก่ง ทนทาน และดำน้ำได้ลึก เพื่อช่วยลากอวน หรือต้อนฝูงปลาเข้ามาใกล้เรือ ความสามารถในการคาบข้อความ หรืออุปกรณ์จากเรือลำหนึ่ง ไปยังอีกลำหนึ่ง ทำให้ถูกยกย่องว่าเป็นผู้ช่วยที่ขาดไม่ได้
นอกจากบทบาทในงานประมง ยังมีความจงรักภักดีสูง และผูกพันกับเจ้าของ ทั้งหมดนี้คือเหตุผลที่ทำให้พันธุ์นี้ ถูกเรียกว่า “เพื่อนแท้แห่งท้องน้ำ” อย่างแท้จริง แต่พวกมันก็ยังเป็นหมาที่ก้าวร้าวได้ หากเกิดอาการเบื่อ ดังนั้น เจ้าของจะต้องมีเวลามากพอ ที่จะพาทำกิจกรรม (11 มิถุนายน 2025) [3]
สุนัขน้ำโปรตุเกสมีร่างกาย ที่ถูกออกแบบมาเพื่อการทำงานในน้ำ โดยเฉพาะ ขนหยิก 2 ชั้น ช่วยป้องกันความหนาวเย็น และเปียกชื้น เท้าที่มีพังผืดระหว่างนิ้ว ทำให้ว่ายน้ำได้คล่อง ราวกับนักว่ายน้ำมืออาชีพ สุนัขพันธุ์นี้สามารถดำน้ำ ได้ลึกพอสมควร เพื่อเก็บอวน หรืออุปกรณ์ที่ตกหล่นใต้น้ำ
ความทนทานสูง ทำให้สามารถว่ายน้ำติดต่อกัน ได้หลายกิโลเมตร โดยไม่หมดแรง พวกมันยังถูกฝึกให้ต้อนฝูงปลา เข้ามาใกล้เรือ ซึ่งเป็นทักษะที่ไม่พบใน ดั๊ก ทอลเลอร์ ราคาแพง รวมถึงสุนัขพันธุ์อื่น ๆ ทั้งหมดนี้สะท้อนถึงความสามารถพิเศษ ที่ทำให้พันธุ์นี้ คู่ควรกับชื่อ “เพื่อนแท้แห่งท้องน้ำ” อย่างแท้จริง
ตลอดหลายศตวรรษที่ผ่านมา สุนัขน้ำโปรตุเกสถูกมองว่าเป็น แรงงานคู่ใจของชาวประมง มากกว่าสัตว์เลี้ยงธรรมดา พวกมันช่วยลากอวน ต้อนปลา และส่งข้อความ หรืออุปกรณ์ระหว่างเรือ ซึ่งเป็นภารกิจที่ต้องอาศัย ทั้งพละกำลังและความฉลาด
ตั้งแต่ศตวรรษที่ 12 เป็นต้นมา สุนัขพันธุ์นี้ถูกบันทึกว่า อยู่ร่วมกับชุมชนประมงโปรตุเกส อย่างต่อเนื่อง เมื่อถึงยุคศตวรรษที่ 19 แม้เทคโนโลยีการประมงเริ่มพัฒนา แต่สุนัขพันธุ์นี้ยังคงถูกใช้งาน ในพื้นที่ท้องถิ่นอยู่เรื่อย ๆ ด้วยความจงรักภักดี นิสัยที่รักเจ้าของ
ทำให้พวกมันเป็นทั้งเพื่อนเล่น และผู้ช่วยในชีวิตประจำวัน ต่อมาในศตวรรษที่ 20 การเลี้ยงเพื่อใช้งานเริ่มลดลง แต่กลับกลายเป็นสุนัขเลี้ยงในครอบครัว ที่ได้รับความนิยมมากขึ้น สมาคมสุนัขหลายแห่ง ยังคงยืนยันถึงคุณค่าทางสายพันธุ์ และประวัติอันยาวนาน
“โปรตุกีส วอเตอร์ด็อก” ไม่ได้มีคุณค่าแค่ในอดีต แต่ยังสะท้อนถึงความผูกพัน ระหว่าง คน vs สุนัข ที่ยืนยาวมาถึงปัจจุบัน แม้บทบาทการช่วยงานประมงจะลดลง แต่เสน่ห์ ความฉลาด บวกความซื่อสัตย์ ยังคงไม่เปลี่ยน ดังนั้นคำว่า “เพื่อนแท้แห่งท้องน้ำ” จึงยังคู่ควรกับสายพันธุ์นี้ อย่างแท้จริง
คุณค่าทางประวัติศาสตร์ ของโปรตุกีส วอเตอร์ด็อก ยังคงเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้พันธุ์นี้พิเศษ แม้งานประมงที่เคยเป็นหัวใจหลัก จะเลือนหายไป แต่เรื่องราวบวกตำนาน ยังคงถูกเล่าขาน สิ่งเหล่านี้ทำให้สุนัขพันธุ์นี้ ไม่ได้มีเพียงบทบาทในอดีต แต่ยังเป็นสัญลักษณ์ของสายใย ระหว่างคนกับสุนัข
ท้ายที่สุดแล้ว ไม่ว่าพวกมันจะถูกเรียกว่า “สุนัขน้ำโปรตุเกส” หรือ “โปรตุกีส วอเตอร์ด็อก” สิ่งที่มีค่ายิ่งกว่านั้น คือความผูกพัน ความซื่อสัตย์ และความรักที่พวกมัน มอบให้กับมนุษย์ ชื่ออาจเปลี่ยนได้ตามกาลเวลา แต่สายใยแห่งมิตรภาพนั้น ยืนยาวกว่ามาก