แหล่งรวมเกมส์ชั้นนำ สล็อต คาสิโน บาคาร่า พร้อมระบบล้ำทันสมัย รวดเร็วทันใจ

ประวัติ ยิมนาสติก กีฬายืดหยุ่นร่างกาย ฝึกความมีระเบียบ

ประวัติ ยิมนาสติก

ประวัติ ยิมนาสติก กีฬาที่ได้มีการพัฒนาเป็นกีฬาที่มีระเบียบวินัย และเป็นที่เคารพนับถือ เป็นกีฬาที่ครอบคลุมถึงความแข็งแรง ความยืดหยุ่น ความคล่องตัว และความสง่างาม อีกทั้งยังมีประโยชน์ต่อจิตใจ และสุขภาพ ที่ส่งผลต่อความเป็นอยู่โดยรวม

  • ประวัติของยิมนาสติก
  • อุปกรณณ์และกติกา ในการแข่งยิมนาสติก
  • แนะนำท่าเล่นยิมนาสติก

ประวัติ ยิมนาสติก ต่างประเทศ

คำว่า “ยิมนาสติก” มาจากภาษากรีก มีความหมายว่า กรีฑา หรือ กีฬา เป็นกิจกรรมการเล่น เพื่อให้ร่างกายแข็งแรง โดยมีสถานที่ฝึกซ้อมหรือสถานที่แข่งขัน ที่เรียกว่า ยิมเนเซียม โดยกิจกรรมทุกประเภท ที่เป็นการเล่นออกกำลังกาย จะถูกเรียกว่ายิมนาสติกเหมือนกันหมด ต่อมาเมื่อกีฬาแต่ละประเภทมีวิวัฒนาการ กฎระเบียบกติกาเพิ่มขึ้น มีการตั้งชื่อประเภทกีฬาของตนเองใหม่ จึงทำให้กิจกรรมที่เรียกชื่อรวมว่า “ยิมนาสติก” เหลือน้อยลง

กีฬายิมนาสติก หรือ การออกกำลังกายเพื่อความสมบูรณ์ของร่างกาย ได้กลับมามีบทบาทอีกครั้ง ประมาณ พ.ศ. 2266 โดยกลุ่มนักศึกษาชาวเยอรมัน เช่น Johan Basedow ที่ได้จัดให้มีการสอน การออกกำลังกายเพื่อสุขภาพ ขึ้นในโรงเรียน

ในปี พ.ศ. 2319 โจฮัน กัธ มัธส์ ได้เขียนหนังสือเกี่ยวกับการออกกำลังกาย หรือยิมนาสติกขึ้น และต่อมา Friedrich Jahn ก็ได้ประดิษฐ์อุปกรณ์ เช่น ราวคู่ ราวเดี่ยว ม้ากระโดด และอื่น ๆ ขึ้นมา เพื่อใช้ในการออกกำลังกาย จึงทำให้ผู้คนในปัจจุบันมีความเข้าใจว่า “ยิมนาสติก” คือการออกกำลังกายที่ประกอบด้วยอุปกรณ์ ราวคู่ ราวเดี่ยว ม้ากระโดด หรืออื่น ๆ ที่มีลักษณะคล้ายคลึงกัน

ที่มา: ประวัติความเป็นมาของยิมนาสติก [1]

ยิมนาสติกในประเทศไทย

ในประเทศไทยยังไม่มีหลักฐานที่ปรากฏชัดเจนว่า ยิมนาสติกเริ่มตั้งแต่สมัยใด ซึ่งอาจจะถือว่า ยิมนาสติก คือ กีฬาหรือกรีฑา ตามความหมายแบบเดิมในอดีต เพราะมีหลักฐานว่า คนไทยมีการเล่นกีฬาประจำชาติ เพื่อรักษาสมรรถภาพของร่างกาย ให้อยู่ในระดับสูงเสมอ เพื่อพร้อมที่จะทำศึกสงครามป้องกันประเทศ

สำหรับความหมายของยิมนาสติกในปัจจุบัน หมายถึง การออกกำลังกายโดยใช้อุปกรณ์ประกอบ โดยมีมาตั้งแต่ ในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เนื่องจากมีผู้ที่สำเร็จการศึกษาจากต่างประเทศ ที่ได้นำความรู้ และประสบการณ์มาเผยแพร่ โดยการบรรจุวิชายิมนาสติกและยืดหยุ่น เข้าไว้ในหลักสูตรของโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า

โดยในปี พ.ศ. 2430 และ พ.ศ. 2441 ได้มีการจัดแผนการศึกษาวิชายิมนาสติกขึ้นเป็นครั้งแรก โดยได้บรรจุในวิชาพลศึกษา ซึ่งเป็นวิชาบังคับในชั้นประถมศึกษา และมัธยมศึกษา และตั้งแต่นั้น ก็ได้มีการออกกำลังกายแบบยิมนาสติกและยืดหยุ่น เข้ามาเป็นส่วนสำคัญในการจัดหลักสูตรวิชาพลศึกษาในโรงเรียน สืบมาจนกระทั่งทุกวันนี้

อุปกรณ์ กติกา การแข่งขันยิมนาสติกลีลา

ยิมนาสติกเป็นกิจกรรมฝึกร่างกาย ที่ผสมผสานกับดนตรี เพื่อให้เกิดท่วงท่าลีลาที่สวยงาม มีการใช้อุปกรณ์ต่างๆ มาประกอบ เช่น ลูกบอล ห่วง ริบบิ้น เพื่อเพิ่มความตื่นเต้นและความสวยงามให้กับกีฬาชนิดนี้ จนได้รับการพัฒนาถูกนำไปจัดในการแข่งขันในกีฬาโอลิมปิก ครั้งที่ 23 ณ สหรัฐอเมริกา เมื่อปี พ.ศ. 2527

อุปกรณ์ที่ใช้ในการแข่งขัน

  • อุปกรณ์ ยิมนาสติกมีอุปกรณ์ทั้งหมด 5 ชิ้น ได้แก่ ลูกบอล ริบบิ้น ห่วง ไม้โยน และเชือก ซึ่งอุปกรณ์ทั้ง 5 ชิ้น คุณสามารถใช้สีใดก็ได้ ยกเว้น สีทอง เงิน และทองแดง
  • ดนตรี ถือเป็นสิ่งสำคัญในการพัฒนาจังหวะ และการเคลื่อนไหว โดยเครื่องดนตรีที่ใช้ในการแข่งขัน จะต้องเป็นเครื่องดนตรีที่บรรเลงชิ้นเดียว เช่น เปียโน ขลุ่ย และไวโอลิน
  • เครื่องแต่งกาย ในการแต่งกายจะต้องเป็นชุดแนบเนื้อ หากไม่มีแขน หรือไหล่ จะต้องเป็นชุดที่มีความกว้างอย่างน้อย 5 เซนติเมตร


กติกาในการแข่งขัน

ยิมนาสติกเป็นกีฬาที่ไม่จำกัดเพศและอายุ ซึ่งนักกีฬาจะต้องแข่งขันตามลำดับอุปกรณ์ โดยในการแข่งขันแต่ละครั้ง นักกีฬาจะแสดงได้เพียง 4 อุปกรณ์เท่านั้น โดยฝ่ายจัดการแข่งขันจะแจ้งให้ทราบล่วงหน้า

  • การแข่งขันประเภทบุคคล คะแนนเต็ม 10 คะแนน แบ่งคะแนนเป็น 2 ส่วน

ส่วนที่ 1 ในส่วน 7 คะแนน จะเป็นคะแนนการเรียงลำดับท่า ที่ประกอบด้วยท่าของความยาก 5 คะแนน ความสัมพันธ์ระหว่างดนตรีและท่าทาง 1 คะแนน ท่าของเทคนิคในการประกอบชุด 0.5 คะแนน และความคิดริเริ่มในการแต่งท่า 0.5 คะแนน

ส่วนที่ 2 ในส่วน 3 คะแนน เป็นคะแนนท่าจบ ที่ประกอบด้วยเทคนิคการทำให้สำเร็จ 1.5 คะแนน และผลสะท้อนโดยสรุป 1.5 คะแนน

  • การแข่งขันประเภททีม คะแนนเต็ม 20 คะแนน

กรรมการจะถูกแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มละ 10 คะแนนจากนั้นจะนำคะแนนของกรรมการทั้ง 2 กลุ่มมารวมกัน โดยกรรมการกลุ่มที่ 1 จะตัดสินจากการแข่งท่า 5 คะแนน และท่าของเทคนิคการแสดง 5 คะแนน และในส่วนของกรรมการกลุ่มที่ 2 จะตัดสินจากการผสมกลมกลืน และเทคนิคการทำท่าให้สำเร็จ 10 คะแนน

  • ท่าทางที่ใช้ในการแข่งขัน

ทั้งประเภทบุคคลและทีม ได้กำหนดให้มีการแข่งขันท่ายากอย่างน้อย 2 ท่า ท่าละ 1 คะแนน และท่าง่าย 6 ท่า ท่าละ 0.5 คะแนน

ที่มา: กฎ-กติกา มารยาท ในการเล่นยิมนาสติก [2]

ท่าเล่นยิมนาสติกแนะนำ

ประวัติ ยิมนาสติก
  • Spider-man Against The Wall
    เป็นท่าง่ายที่สามารถทำได้ โดยเป็นท่าเริ่มต้น โดยการใช้กำแพงในการช่วยทรงตัว โดยให้คุณเริ่มวางแขนทาบพื้นไปด้านหน้า พร้อมยกลำตัวส่วนล่างทาบขนานกำแพง หัวตั้งตรงล้อกับทุกส่วน และให้ทำท่านี้ประมาณ 1 นาที
  • Handstand
    เป็นท่าที่ต่อยอดความท้าทาย หลังจากการฝึกทำ Spider-man Against the wall จนคุ้นชิน โดยมีลักษณะท่าคล้ายกันทุกอย่าง แต่ Handstand ต้องทำกลางอากาศ คล้ายท่าเตรียมตีลังกา ดังนั้นจึงควรมีพื้นยางปูกันกระแทก และรองรับกรณีหกล้ม เป็นท่าที่ช่วยปรับทรวดทรง ให้ตั้งตรงร่วมกับแกนกลางลำตัว และส่วนข้างที่แข็งแรง
  • Splits
    ท่าฉีกขาที่ช่วยให้กล้ามเนื้อต้นขาเรียวลง เป็นท่าฝึกสำหรับต่อยอดท่า Switch Leap การกระโดดฉีกขาข้ามกลางอากาศ โดยเริ่มต้นด้วยท่าคุกเข่า ก่อนเริ่มแยกขาที่ถนัดไปด้านหน้า ให้ทาบตัวพื้นจนรู้สึกตึง เป็นเวลา 1 นาทีก่อนพัก ทั้งนี้การฝึกท่าดังกล่าว ควรทำคู่กับผู้ฝึกเฉพาะด้าน เพื่อความปลอดภัย

ที่มา: เพิ่มกล้ามสวย เสริมหุ่นลีน แน่น ได้จังหวะสไตล์ยิมนาสติก [3]

ท่ายิมนาสติกพร้อมอุปกรณ์

  • L-Sit
    L-Sit เป็นท่าที่ใช้รวบยอดจากคาลิสเทนิก จัดอยู่ในหมวดท่ายิมนาสติก ที่ต่อยอดจาก Boat Hold ได้อย่างดี โดยผู้ทำสามารถเริ่มต้นกับอุปกรณ์อย่าง Gymnastic Rings และ Olympic Bar ได้ตามความถนัด
  • Muscle-ups
    อีกหนึ่งท่าสำหรับ Gymnastic Rings ที่สามารถเริ่มต้นด้วยกระบวนท่าเพียง 4 สเต็ป เริ่มแรกให้คุณคว้าจับวงแหวนด้วยท่ายืนตัวตรง จากนั้นให้ดึงตัวเองขึ้นเหนือพื้นในท่าเตรียม แล้วให้เริ่มดึงตัวขึ้นลงคล้ายลักษณะการทำท่า Dip และพักตามจำนวนเซตที่กำหนด
  • Speed Rebound
    เป็นท่าที่ทำคู่กับเก้าอี้ออกกำลังกาย โดยให้คุณเริ่มจับที่ด้านข้างเก้าอี้ จากนั้นกระโดดข้ามเก้าอี้ซ้าย-ขวา โดยที่มือยังจับเก้าอี้อยู่ ท่านี้จะช่วยเสริมความแข็งแรงของกระดูกข้อต่อ กล้ามเนื้อส่วนขาและแกนกลางลำตัว ให้ทำงานประสานกันได้อย่างคล่องแคล่ว

ข้อดีของกีฬายิมนาสติก

  • ยิมนาสติกเป็นกีฬาที่จะต้องใช้ อวัยวะทุกส่วนของร่างกายไปพร้อม ๆ กัน จึงเป็นเหมือนการช่วยเพิ่มความแข็งแรง และกระตุ้นการทำงานของหัวใจได้เป็นอย่างดี
  • ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อ และการเคลื่อนไหว ทำให้รู้จักควบคุมร่างกาย และเพิ่มทักษะสมอง ในการประสานงานอวัยวะส่วนต่าง ๆ ให้สัมพันธ์กัน
  • ระบบประสาทสัมผัสและการรับรู้ที่ดีขึ้น เนื่องจากยิมนาสติก จะเปิดโอกาสให้เด็กได้แสดงทักษะที่ซ่อนอยู่ ผ่านการฝึกฝน ที่เปรียบเสมือนการได้ค้นคว้าทดลอง ค้นหาทักษะใหม่ ๆ แล้วยกระดับความท้าทายให้เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ
  • ฝึกความอดทน ซึ่งในการพัฒนาทักษะไปทีละขั้นนั้น จะช่วยสอนให้เด็กมีเหตุผล และรู้จักการตั้งเป้าหมาย แล้วพยายามไปให้ถึงเป้าหมายที่ตั้งไว้ให้ได้
  • ช่วยให้มีสมาธิในการเรียนหนังสือ และการทำกิจกรรมต่าง ๆ มากขึ้น

หาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ ยิมนาสติก กีฬาฝึกสมาธิของเด็กวัยแสบซน ได้ที่ nestle

โดยสรุปแล้ว ประวัติ ยิมนาสติก

โดยสรุปแล้ว ประวัติ ยิมนาสติก กีฬาที่ครอบคลุมทั้งด้านการออกกำลังกาย และสุขภาพจิต ช่วยเพิ่มความแข็งแรง และความยืดหยุ่น ไปจนถึงการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของสมอง ซึ่งในการฝึกยิมนาสติก ถือเป็นวิธีช่วยดูแลสุขภาพองค์รวม รวมไปถึงให้บุคคลสามารถใช้ชีวิตอย่างกระตือรือร้นและมีความสุข

ยิมนาสติกเหมาะกับมือใหม่หรือไม่?

ยิมนาสติกเป็นกีฬาที่สามารถเริ่มต้นได้ทุกระดับ เพราะการฝึกจะเริ่มจาก การสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อมัดหลักก่อน โดยเฉพาะกล้ามเนื้อแกนกลางลำตัว ที่เป็นพื้นฐานสำคัญ หลังจากนั้นจึงค่อยๆ พัฒนาความยืดหยุ่นและการทรงตัวต่อไป

ควรเริ่มเรียนยิมนาสติกเมื่ออายุเท่าไหร่?

ยิมนาสติกเป็นกีฬาที่ไม่จำกัดอายุ แต่ทั้งนี้ผู้เริ่มต้นในแต่ละช่วงวัย ต่างจะมีข้อควรคำนึงที่แตกต่างกัน เพื่อเน้นความสนุกและพัฒนาการ เพื่อให้เหมาะสมกับช่วงวัยอายุ และสภาพร่างกาย

Facebook
Twitter
Telegram
LinkedIn
ข้อมูลผู้เขียน

แหล่งอ้างอิง