แหล่งรวมเกมส์ชั้นนำ สล็อต คาสิโน บาคาร่า พร้อมระบบล้ำทันสมัย รวดเร็วทันใจ

ประวัติ กีฬายกน้ำหนัก กิจกรรมท้าทายความสามารถ

ประวัติ กีฬายกน้ำหนัก

ประวัติ กีฬายกน้ำหนัก กีฬาและการออกกำลังกายที่ยอดเยี่ยม และมีความท้าทาย เป็นกิจกรรมที่ช่วยสร้างความแข็งแรง ทนทาน และเพิ่มมวลกล้ามเนื้อ เป็นกีฬาที่ใช้อุปกรณ์ในการฝึกน้อยชิ้น แต่ต้องอาศัยความตั้งใจ และอดทนในการฝึกเป็นอย่างมาก อีกทั้งยังมีประโยชน์ต่อร่างกายในแบบที่คาดไม่ถึง

  • ความเป็นมากีฬายกน้ำหนัก กับโอลิมปิก
  • ประเภทและเกณฑ์การตัดสินของกีฬายกน้ำหนัก
  • กติกาการแข่งขันยกน้ำหนักเบื้องต้น

ที่มากีฬายกน้ำหนักในโอลิมปิก

กีฬายกน้ำหนัก เป็นกีฬาที่ต้องใช้ความพยายาม และ พละกำลัง รวมถึงความอดทนและความตั้งใจเป็นอย่างมาก เนื่องจากในการแข่งขัน ผู้แข่งจะต้องทำการยกบาร์เบลที่บรรจุแผ่นน้ำหนัก จากพื้นให้ขึ้นมาอยู่สุดเหนือศีรษะ โดยจะต้องยกน้ำหนักให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้

ในการแข่งขันโอลิมปิกสมัยใหม่ กีฬายกน้ำหนักถูกบรรจุเข้าร่วมแข่งขันครั้งแรกในปี 1896 ที่กรุงเอเธนส์
เป็นการแข่งขันที่ยังไม่มีการแบ่งรุ่นตามน้ำหนัก รูปร่าง และขนาดของนักกีฬา โดยผู้ที่ยกน้ำหนักได้มากที่สุด จะเป็นผู้ชนะในการแข่งขัน จนทำให้ถูกมองว่าเป็นกีฬาที่อันตรายต่อผู้เข้าร่วม

ภายหลังโอลิมปิก ปี 1920 กีฬายกน้ำหนักได้ถูกบรรจุไว้เป็นกีฬาหลัก (ไม่มีการจำกัดรุ่นแบบเดิม) จนกระทั่งในปี 1932 เริ่มมีการจัดการแบ่งตามรุ่นน้ำหนัก และในปี 2000 ได้มีการแข่งขันการยกน้ำหนักประเภทหญิง ขึ้นเป็นครั้งแรกที่ ซิดนีย์ และได้มีการสืบทอดกันมาอย่างยาวนานจนถึงปัจจุบัน

ที่มา: ทำความรู้จักกีฬายกน้ำหนักในโอลิมปิก [1]

ประเภทการแข่งขันยกน้ำหนัก

การแข่งขันยกน้ำหนักโอลิมปิก มีการจัดแข่งขันอยู่ด้วยกัน 2 ท่า คือสแนตซ์ และ คลีนแอนด์เจิร์ก โดยแต่ละท่าจะมีวิธีการแข่งขันดังต่อไปนี้

  • การแข่งขันในท่าสแนตช์
    เป็นวิธีการที่ นักยกน้ำหนักจะต้องยกบาร์เบลขึ้นมา ให้อยู่ในลักษณะสูงกว่าศีรษะ ด้วยการเคลื่อนไหวเพียงครั้งเดียว
  • การแข่งขันในท่าคลีนแอนด์เจิร์ก
    การแข่งขันในท่านี้ นักยกน้ำหนัก จะต้องยกบาร์เบลขึ้นมาให้อยู่ในระดับหน้าอก (คลีน) จากนั้นหยุด แล้วทำการยืดแขนและขา เพื่อยกบาร์เบลขึ้นเหนือศีรษะ (เจิร์ก) โดยที่ข้อศอกจะต้องยืดตรง และยกค้างไว้ จนกว่าจะได้ยินเสียงสัญญาณ

เกณฑ์การตัดสินการแข่งขันยกน้ำหนัก

สำหรับการแข่งขันยกน้ำหนัก ผู้แข่งจะต้องทำการยกสแนตซ์ 3 ครั้ง และยกแบบคลีนแอนด์เจิร์ก 3 ครั้ง และทำการยกน้ำหนักแบบ สแนตซ์และคลีนแอนด์เจิร์กรวมกัน ซึ่งผู้ที่ทำการยกน้ำหนักรวมกันได้มากที่สุด จะเป็นผู้ชนะในการแข่งขันครั้งนั้น ส่วนกรณีที่มีนักยกน้ำหนัก 2 คน ที่สามารถยกน้ำหนักรวมได้เท่ากัน ผู้แข่งขันที่มีน้ำหนักตัวน้อยกว่า จะเป็นผู้ชนะในการแข่งขัน

ที่มา: กีฬายกน้ำหนัก ในโอลิมปิกมีกี่ประเภท มีเกณฑ์การตัดสินอย่างไร [2]

ระเบียบเกี่ยวกับ กีฬายกน้ำหนัก

ประวัติ กีฬายกน้ำหนัก

กติกาการแข่งขันยกน้ำหนัก
1.การยกสองท่า

1.1 สำหรับการยกสองท่านั้น ด้านสหพันธ์ยกน้ำหนักนานาชาติ (IWF) กล่าวว่า การยกสองท่าที่จะต้องทำให้สำเร็จ ต้องทำตามขั้นตอน ดังนี้
-ท่าสแนตซ์
-ท่าคลีนแอนด์เจิร์ก
1.2 การยกทั้งสองท่าที่กล่าวไป ผู้ยกจะต้องใช้มือทั้งสองข้างในการยกน้ำหนัก
1.3 การยกน้ำหนักในแต่ละท่า ผู้ยกสามารถยกได้ไม่เกิน 3 ครั้งเท่านั้น

2.ผู้เข้าแข่งขัน

2.1 การแข่งกีฬายกน้ำหนัก เป็นกิจกรรมที่จัดขึ้นสำหรับทุกเพศ ทั้งชายและหญิง โดยนักกีฬาสามารถเข้าร่วมการแข่งขันได้ตามรุ่น ที่มีกำหนดอยู่ในกติกา โดยใช้น้ำหนักตัวเป็นเกณฑ์ในการแบ่งประเภท รุ่น และลำดับ
2.2 ในทางปฏิบัติ สหพันธ์ยกน้ำหนักนานาชาติ (IWF) ได้กำหนดประเภทการแข่งขันไว้ตามกลุ่มอายุ 2 กลุ่ม ดังนี้
-รุ่นเยาวชน ที่เป็นบุคคลที่มีอายุไม่เกิน 20 ปี
-รุ่นทั่วไป

มือใหม่หัดยกควรเลือกใช้อุปกรณ์อย่างไร

สำหรับนักยกน้ำหนักมือใหม่ ที่ยังไม่มีความรู้เกี่ยวกับ เรื่องอุปกรณ์ในการยกน้ำหนัก ว่าควรเลือกใช้อุปกรณ์ชนิดไหน จึงจะมีความเหมาะสม และไม่ทำให้เกิดอาการบาดเจ็บ โดยบทความนี้ได้รวบรวมเกี่ยวกับข้อมูลเบื้องต้น สำหรับมือใหม่หัดยกมาฝาก เพื่อให้คุณได้เห็นถึงข้อดี-ข้อเสีย ของอุปกรณ์แต่ละชนิด และสามารถเลือกใช้ได้อย่างเหมาะสม

  • ฟรีเวท
    American Council on Exercise กล่าวว่า การเริ่มต้นฝึกยกน้ำหนักด้วยฟรีเวท เป็นการเสริมสร้าง ความแข็งแรงโดยรวมให้กับร่างกาย ได้มากกว่าการใช้เครื่องออกกำลังกายทั่วไป เนื่องจากการฝึกด้วยฟรีเวท ผู้เล่นสามารถเคลื่อนไหวร่างกาย ได้อย่างธรรมชาติ ไม่ถูกจำกัดการเคลื่อนไหว
  • บาร์เบล
    เป็นอุปกรณ์ที่ให้ความมั่นคงกับผู้ยก ในขณะการยกได้ดี มีตัวช่วยในการรองรับน้ำหนัก เป็นการยกน้ำหนักโดยการใช้มือทั้งสองข้าง เป็นอุปกรณ์ที่เหมาะกับการเล่น เพื่อเสริมสร้างกล้ามเนื้อมัดใหญ่อย่างท่อนล่าง ด้วยวิธีการทำท่าสควอตหรือเดดลิฟต์ รวมถึงท่า Bench Press
  • ดัมบ์เบล
    เป็นอุปกรณ์สำหรับการยกน้ำหนัก แบบใช้มือยกทีละข้าง เหมาะกับการนำมาฝึกยก ในกรณีที่กล้ามเนื้อมีความแข็งแรงไม่เท่ากัน โดยคุณสามารถยก โดยใช้ข้างที่กล้ามเนื้ออ่อนแอให้มากกว่าอีกข้างหนึ่ง

ที่มา: ดัมบ์เบล บาร์เบล เคตเติลเบล มือใหม่หัดยกอย่างเราจะใช้อันไหนดี [3]

ประโยชน์ของการยกน้ำหนักต่อสุขภาพ

การยกน้ำหนัก ที่ไม่ว่าจะเพื่อการออกกำลังกาย หรือ การแข่งขันในโอลิมปิกนั้น กีฬาชนิดนี้ถือได้ว่ามีประโยชน์ต่อสุขภาพของผู้ฝึกเป็นอย่างมาก ช่วยให้มีร่างกายที่แข็งแรง และความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น
ซึ่งประโยชน์ที่จะได้รับจากการยกน้ำหนัก มีดังนี้:

  • มวลกล้ามเนื้อมีความแข็งแรงมากขึ้น
    เนื่องจากการยกน้ำหนักแต่ละครั้ง กล้ามเนื้อจะถูกกดดันมากยิ่งขึ้น ทำให้กล้ามเนื้อเกิดการปรับตัวและแข็งแรง ช่วยให้คุณสามารถออกกำลังกายที่มีความท้าทายได้มากยิ่งขึ้น รวมถึงช่วยลดโอกาสบาดเจ็บ ที่เกี่ยวข้องกับกล้ามเนื้ออีกด้วย
  • เพิ่มความหนาแน่นของกระดูก
    การยกน้ำหนักเป็นประจำ จะช่วยเพิ่มความหนาแน่นให้กับกระดูก ที่เป็นสิ่งสำคัญ ในการมีสุขภาพโดยรวมที่ดี ซึ่งความหนาแน่นของกระดูก หมายถึง ปริมาณจำนวนของเนื้อเยื่อกระดูกที่มีอยู่ในร่างกาย ที่มีแนวโน้มลดลงได้ เมื่อคุณมีอายุมากขึ้น แต่การยกน้ำหนัก จะช่วยเข้าไปกระตุ้น ทำให้เกิดแรงกดดันต่อกระดูก และกระตุ้นให้กระดูกแข็งแรงและหนาแน่น
  • สุขภาพจิตที่ดี
    เนื่องจากเมื่อคุณยกน้ำหนัก ร่างกายจะหลั่งสารที่เรียกว่า เอนดอร์ฟิน นั่นก็คือ ฮอร์โมนแห่งความสุข ขึ้นมา เกิดการปรับปรุงอารมณ์ ช่วยลดความเครียด รวมถึงเป็นการเพิ่มความมั่นใจ และเพิ่มพลังให้กับตัวคุณเอง
  • สุขภาพหัวใจและหลอดเลือดดีขึ้น
    การยกน้ำหนัก ช่วยให้อัตราการเต้นของหัวใจเพิ่มขึ้น รวมถึงการขยายตัวของหลอดเลือด ที่ช่วยส่งผลให้เลือดสามารถไหลเวียน และส่งออกซิเจน ไปเลี้ยงยังส่วนต่าง ๆ ภายในร่างกายได้เป็นอย่างดี ยิ่งยกน้ำหนักเป็นประจำ จะช่วยลดอัตราความเสี่ยงการเกิดโรคหัวใจ และ หลอดเลือดตีบ

หาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ การยกน้ำหนักมีประโยชน์อะไรบ้าง? ได้ที่ usaweightlifting

กล่าวโดยสรุป ประวัติ กีฬายกน้ำหนัก

กล่าวโดยสรุป ประวัติ กีฬายกน้ำหนัก หนึ่งในประเภทของกีฬา ที่ได้รับการบรรจุเข้าร่วมการแข่งขันโอลิมปิก เป็นกีฬาที่ผู้เล่นสามารถฝึกเพื่อต่อยอด เป็นนักยกน้ำหนักมืออาชีพ หรือ เพื่อการออกกำลังกายให้มีสุขภาพที่แข็งแรง โดยข้อมูลที่กล่าวในบทความนี้ ได้รวมเอาความรู้เบื้องต้น เกี่ยวกับการยกน้ำหนัก ไว้ สำหรับผู้ที่สนใจในกีฬาชนิดนี้ แบบครบถ้วนเรียบร้อย

ปัจจุบันในการแข่งขันยกน้ำหนัก มีการจัดแข่งขันอยู่กี่ท่า?

การแข่งขันยกน้ำหนัก แบ่งออกเป็น 2 ท่า คือ ท่าสแนตซ์ และ ท่าคลีนแอนด์เจิร์ก

การยกน้ำหนักแบบใช้ดัมบ์เบล เหมาะกับใคร?

จริง ๆ แล้วการยกน้ำหนักแบบใช้ดัมบ์เบล สามารถใช้ได้กับทุกคน แต่จะเน้นเฉพาะไปที่ ผู้เล่นที่รู้สึกกว่ากล้ามเนื้อสองข้าง มีความแข็งแรงไม่เท่ากัน เนื่องจากการยกดัมบ์เบล สามารถยกทีละข้าง โดยเน้นข้างที่อ่อนแอกว่าได้ เพื่อให้กล้ามเนื้อแข็งแรงเท่ากันนั่นเอง

Facebook
Twitter
Telegram
LinkedIn
ข้อมูลผู้เขียน

แหล่งอ้างอิง