
สุนัข นอร์เวย์ ลุนเดฮุนด์ หายาก แค่ไหน ?
- Pet Noi
- 166 views
นอร์เวย์ ลุนเดฮุนด์ หายาก ขนาดไหน นี่ไม่ใช่แค่คำถามของนักเพาะพันธุ์ หรือคนรักหมาพันธุ์แปลก ๆ เท่านั้น แต่ยังสะท้อนประเด็น เรื่องความหลากหลายทางพันธุกรรม และการอยู่รอดของสายพันธุ์ ที่มีอยู่เพียงหยิบมือ บล็อกนี้จะพาไปรู้จัก “สุนัขพันธุ์ลับจากนอร์เวย์” ที่ครั้งหนึ่งเคยถูกลืมเกือบทั้งโลก
ลุนเดฮุนด์ (Lundehund) สุนัขบ้านพื้นเมืองจากหมู่เกาะโลโฟเทน ของประเทศนอร์เวย์ มีต้นกำเนิดตั้งแต่ศตวรรษที่ 16 เดิมถูกฝึกให้ปีนหน้าผาสูงชัน เพื่อล่านกพัฟฟินกับไข่ในรัง โดยอาศัยนิ้วเท้าถึง 6 นิ้ว และข้อต่อพิเศษ
ซึ่งไม่มีในหมาสายพันธุ์ไหย พอหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ประชากรของลุนเดฮุนด์ เหลือรอดเพียง 6 ตัวเท่านั้น จากจุดเสี่ยงสูญพันธุ์ กลายเป็นหนึ่งในสายพันธุ์ ที่หายากที่สุดในปัจจุบัน (16 กรกฎาคม 2025) [1]
ต้นกำเนิดของลุนเดฮุนด์ ย้อนกลับไปได้ไกล ถึงราวศตวรรษที่ 16 ในหมู่เกาะโลโฟเทน (Lofoten Islands) ประเทศนอร์เวย์ หมู่เกาะแห่งนี้เต็มไปด้วยหน้าผาสูงชัน และเป็นแหล่งทำรังของนกทะเล ที่มีค่าทางอาหาร และเครื่องนุ่งห่มในยุคนั้น
ชาวบ้านจึงพัฒนาลุนเดฮุนด์ ให้เป็น “สุนัขล่านกพัฟฟิน” ที่สามารถปีนป่ายหน้าผาหิน มุดเข้าโพรงแคบได้ ความสามารถนี้เกิดจาก โครงสร้างร่างกายที่ผิดปกติ ในทางที่เป็นประโยชน์ อาทิเช่น มีนิ้วเท้าถึง 6 นิ้ว และข้อต่อที่ยืดหยุ่นผิดปกติ
น้องยังสามารถหุบหูเพื่อกันฝุ่น รวมถึงบิดคอไปด้านหลัง จนแตะหลังตัวเองได้อย่างไม่น่าเชื่อ ด้วยความผิดปกตินี้เอง ทำให้เป็นเอกลักษณ์ ของสุนัขสายพันธุ์ลุนเดฮุนด์ ดังนั้น น้องไม่ใช่แค่หมาธรรมดา แต่คือ “เครื่องมือปีนผาที่มีชีวิต” ของชาวประมงในยุคนั้น (2025) [2]
ณ ปีล่าสุด มีการประมาณว่า ลุนเดฮุนด์เหลืออยู่ราว ๆ 1,500 – 2,000 ตัวทั่วโลก แต่ถ้าเฉพาะในนอร์เวย์ เหลืออยู่ประมาณ 900 ตัว ที่เหลืออีกส่วน กระจายตัวอยู่ในสหรัฐฯ ยุโรป และประเทศอื่น ๆ ประชากรทั้งหมดถือว่าหายากมาก เมื่อเทียบกับ สุนัขบราซิลเลี่ยน เทอร์เรีย หรือสายพันธุ์สุนัขทั่ว ๆ ไป
มีบางแหล่งระบุไม่เกิน 3,000 ตัวทั่วโลก ข้อมูลทางพันธุกรรม พบว่า ลุนเดฮุนด์ปัจจุบัน มีบรรพบุรุษเหลือเพียง 2 สายเลือดหลักเท่านั้น แม้จำนวนเริ่มเพิ่มขึ้น จากจุดต่ำสุดเพียง 6 ตัวในยุค 1960 – 70s แต่ประชากรยังถือว่าเล็กมาก สำหรับสายพันธุ์สุนัข
ทำให้เกิดปัญหา ค่าดัชนี Inbreeding สูง หรือที่เรียกว่า “การผลิตลูกหลาน จากการผสมพันธุ์ของลุนเดฮุนด์ และความหลากหลายทางพันธุกรรมต่ำ (10 กรกฎาคม 2025) [3] ข้อมูลเหล่านี้ช่วยสะท้อนภาพว่า แม้จะไม่ได้ใกล้สูญพันธุ์ แต่ลุนเดฮุนด์ยังคงเป็นหนึ่งในสุนัข ที่หายากมาก ๆ ของโลกจริง ๆ
สาเหตุที่นอร์เวย์ลุนเดฮุนด์หายาก ไม่ได้มีแค่จำนวนประชากรน้อยเท่านั้น แต่ยังรวมถึงปัญหา “พันธุกรรมจำกัด” จากการรอดตาย ของบรรพบุรุษเพียง 6 ตัว หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 การขาดความหลากหลาย ทางพันธุกรรม ทำให้น้องมีความเสี่ยงสูง ต่อโรคทางพันธุกรรม ไปจนถึงปัญหาสุขภาพเรื้อรัง
นอกจากนี้ ยังเป็นสุนัขที่มีความต้องการเฉพาะด้าน ทั้งสภาพแวดล้อม อาหาร และพฤติกรรม เมื่อรวมกับภาพลักษณ์ ที่ไม่ใช่หมาแฟชั่น และไม่ได้ถูกพัฒนา เชิงพาณิชย์เหมือนพันธุ์อื่น ลุนเดฮุนด์จึงกลายเป็นสุนัข ที่ “แม้จะอยากเลี้ยง ก็หาเลี้ยงไม่ได้ง่าย ๆ” ในหลายประเทศทั่วโลก
ประชากรลุนเดฮุนด์ในปัจจุบัน ล้วนสืบเชื้อสายมาจากบรรพบุรุษ เพียง 6 ตัวที่รอดชีวิต จากสงครามโลกครั้งที่ 2 นั่นทำให้พันธุกรรมของสายพันธุ์นี้ “แคบลงอย่างรุนแรง” และเกิดปัญหาทางสุขภาพแบบต่อเนื่อง ยกตัวอย่างเช่น โรค Lundehund Syndrome เป็นต้น
แม้จะมีความพยายาม ผสมข้ามพันธุ์กับสายพันธุ์อื่น เพื่อเพิ่มความหลากหลายทางพันธุกรรม แต่ก็ยังไม่สามารถแก้ปัญหาได้ทั้งหมด องค์กรสัตวแพทย์บางแห่ง ยังคงจัดลุนเดฮุนด์ไว้
ในกลุ่มสุนัขที่ “มีความเสี่ยงจาก Inbreeding สูงที่สุดในโลก” ทั้งหมดนี้ ทำให้ลุนเดฮุนด์ตกอยู่ในสภาวะ “รอดแต่เปราะบาง” ซึ่งเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ได้ตลอดเวลา หากไม่มีการจัดการระยะยาว อย่างจริงจัง
ร่างกายของลุนเดฮุนด์ ถูกวิวัฒนาการมาเพื่อปีนหน้าผา ล่านกพัฟฟิน และอยู่ในสภาพแวดล้อมเฉพาะ ของหมู่เกาะนอร์เวย์เท่านั้น โครงสร้างที่มี 6 นิ้ว ข้อต่อพิเศษ และคอที่บิดได้เกือบ 180 องศา คือสิ่งที่ทำให้น้อง “เก่งเฉพาะด้าน” แต่เมื่อสภาพแวดล้อมเปลี่ยน ความสามารถเฉพาะทางเหล่านี้
กลับกลายเป็นข้อจำกัดในโลกยุคใหม่ ลุนเดฮุนด์ไม่สามารถปรับตัว ให้เข้ากับวิถีชีวิตมนุษย์ทั่วไปได้ ทั้งด้านนิสัย พื้นที่อยู่อาศัย และสุขภาพ วิวัฒนาการที่เคยทำให้ น้องอยู่รอดในอดีต จึงกลายเป็น “กับดัก” ที่ทำให้ยากจะเติบโต ต่อในอนาคต นั่นคือชะตากรรม ของสายพันธุ์ที่เก่งเฉพาะทาง
ลุนเดฮุนด์เป็นหนึ่งในสุนัข ที่หายากที่สุดในโลก ทั้งด้านจำนวนประชากร และโอกาสรอดทางพันธุกรรม ความเปราะบางของสายพันธุ์นี้ ไม่สามารถฟื้นฟูได้ ด้วยความนิยมชั่วคราว หรือการเลี้ยงตามกระแส สิ่งที่ทาสหมาทำได้ คือ ช่วยกันส่งต่อเรื่องราวของน้อง เพื่อให้โลกไม่ลืมว่า น้องเคยมีอยู่จริง
ความหายากของ Norwegian Lundehund ไม่ใช่แค่เรื่องจำนวน แต่รวมถึงความเปราะบาง ที่ฟื้นยากเกินกว่าจะเสี่ยง เมื่อสายพันธุ์หนึ่ง ไม่สามารถอยู่รอดได้ด้วยตัวเอง การปล่อยให้ธรรมชาติจัดการ อาจไม่ใช่ทางออก คำถามจึงไม่ใช่แค่ว่า “เหลือกี่ตัว” แต่คือ “ทาสหมายอมให้มันหายไป ได้จริงไหม”
การไม่ลืม คือจุดเริ่มต้นของการมีตัวตน ในสังคมอีกครั้ง แม้ทาสหมาอาจไม่สามารถ เลี้ยงลุนเดฮุนด์ได้ทุกคน แต่การพูดถึง Norwegian Lundehund คือพลังที่มีความหมาย เพราะตราบใดที่ทาสหมายังจำเขาได้ โอกาสรอดของลุนเดฮุนด์ ก็ยังไม่เป็นศูนย์