
ดั๊ก ทอลเลอร์ ราคาแพง แซงหลายพันธุ์จริงไหม ?
- Pet Noi
- 111 views
ดั๊ก ทอลเลอร์ ราคาแพง จนทาสหมาสงสัยว่า สุนัขพันธุ์นี้มีอะไรพิเศษกว่าพันธุ์อื่น การได้ครอบครองถือเป็นความภาคภูมิใจ ของทาสหมาที่หลงรักความแตกต่าง แต่ก็แลกมาด้วยต้นทุนที่ไม่ธรรมดา บล็อกนี้จะพาไปสำรวจเหตุผล ทั้งด้านดีและข้อควรคิด ว่าทำไมราคาถึงถูกพูดถึงไม่รู้จบ
“ดั๊กทอลเลอร์” หรือชื่อเต็มว่า “Nova Scotia Duck Tolling Retriever” เป็นสุนัขขนาดกลาง ที่มีต้นกำเนิดในแคนาดา ช่วงต้นศตวรรษที่ 20 โดยเริ่มถูกพัฒนาสายพันธุ์ ราว ๆ ปี 1945 เพื่อตอบโจทย์การล่าสัตว์น้ำ อย่างเป็ดหรือนกน้ำ สุนัขพันธุ์นี้ถูกออกแบบให้มีความคล่องตัวสูง
สามารถวิ่งเล่นริมฝั่งน้ำ เพื่อล่อนกน้ำออกมา ก่อนจะทำหน้าที่เก็บนก ที่ถูกยิงกลับมาให้เจ้าของ ด้วยลักษณะดังกล่าว จึงถูกสมาคมสุนัขของแคนาดา (CKC) รับรองให้เป็น “สุนัขสำหรับกิจกรรมทางกายภาพ” เป็นทางการในปี 1945 ต่อมาได้รับการยอมรับจาก AKC ในปี 2003 (2 สิงหาคม 2025) [1]
ต้นกำเนิดของดั๊กทอลเลอร์ ย้อนไปได้ถึงช่วงต้นศตวรรษที่ 19 ในเขตโนวาสโกเชีย ประเทศแคนาดา โดยชาวประมง บวกนักล่าสัตว์น้ำ ต้องการสุนัขที่มีความว่องไว และสามารถ “ล่อ” นกน้ำ ออกจากที่หลบซ่อนได้ ว่ากันว่ามีการผสมพันธุ์ระหว่าง รีทรีฟเวอร์ขนาดเล็ก กับสแปเนียลและคอลลี่
เพื่อสร้างสายพันธุ์ที่ครบเครื่อง ทั้งพลังงาน และทักษะการล่า สายพันธุ์นี้ได้รับการพัฒนา เพื่อให้ล่าสัตว์ขนาดเล็ก ด้วยวิธีล่าที่ชาญฉลาด คล้ายกับวิธีล่าของสุนัขจิ้งจอก ทำให้มีสีสัน บวกความว่องไว จนมีมาตรฐานชัดเจน ในช่วงทศวรรษที่ 1900 (2025) [2]
หลังจากที่ American Kennel Club (AKC) รับรองพันธุ์นี้ในปี 2003 นับว่าเป็นหมุดหมายสำคัญ ที่ทำให้ทอลเลอร์เข้าสู่เวทีโลก จากจุดเริ่มเล็ก ๆ ที่โนวาสโกเชีย วันนี้ Duck Tolling กลายเป็นสุนัขหายากที่ทั้งสวย และราคาแพง จนทาสหมาหลายคนใฝ่ฝัน จะครอบครอง
Duck Tolling Retriever มีเอกลักษณ์ที่ชัดเจน ทั้งด้านรูปร่างและพฤติกรรม ลำตัวขนาดกลาง กระชับ คล่องแคล่ว น้ำหนักเฉลี่ยอยู่ที่ 17 – 23 กิโลกรัม ทำให้เหมาะทั้งการล่า และเป็นเพื่อนในครอบครัว อีกทั้งขนยังสองชั้น สีแดงทองแซมขาว โดยเฉพาะที่หน้าอก และปลายหาง
ถือเป็นเครื่องหมายเฉพาะพันธุ์ที่จดจำง่าย บวกกับดวงตาสีน้ำตาลอำพัน คู่กับหางพวงใหญ่ มักใช้ในการเคลื่อนไหว เพื่อ “ล่อ” นกน้ำให้เข้ามาใกล้ ตามธรรมชาติการล่า นิสัยของทอลเลอร์สดใสร่าเริง ฉลาด มีพลังงานสูง ทั้งหมดนี้คือเสน่ห์ ที่เป็นเหตุผลหนึ่ง ที่ผลักดันให้ราคาของมันสูงขึ้น
“ดั๊กทอลเลอร์” ขึ้นชื่อว่าราคาแพง เพราะเป็นพันธุ์หายาก ที่เพิ่งได้รับการยอมรับจาก American Kennel Club (AKC) ในปี 2003 ทำให้ความนิยมพุ่งสูงขึ้นทันที ซึ่งราคาซื้อขายในต่างประเทศ อยู่ที่เฉลี่ย 50,000 – 120,000 บาท ต่อหนึ่งตัว ขึ้นอยู่กับสายเลือด และการรับรองจากฟาร์มเพาะพันธุ์
ในบางกรณี หากเป็นสายประกวด หรือมีใบเพ็ดดีกรีชัดเจน ราคาสามารถทะลุถึง 150,000 บาทได้เลย เมื่อเทียบกับรีทรีฟเวอร์ หรือ สายพันธุ์ บอยกิน สแปเนียล ที่เริ่มต้นเพียง 15,000 – 30,000 บาท ด้วยความหายาก บวกกับความนิยมที่เติบโตต่อเนื่อง ทำให้ชื่อเสียงติดตัวทอลเลอร์ มาจนถึงปัจจุบัน
ดั๊กทอลเลอร์จัดว่าเป็นหนึ่งใน สุนัขรีทรีฟเวอร์ที่หายากที่สุดในโลก เพราะมีถิ่นกำเนิดจำกัด อยู่แค่แถบโนวาสโกเชีย ประเทศแคนาดา ข้อมูลจาก AKC ระบุว่า ทอลเลอร์ถูกจัดอยู่ในอันดับ ความนิยมเพียงที่ 87 จากกว่า 200 สายพันธุ์ ซึ่งสะท้อนถึงจำนวนที่มีไม่มากนัก
ฟาร์มเพาะพันธุ์ที่ได้มาตรฐาน ก็มีอยู่ค่อนข้างน้อย ทำให้การซื้อขายส่วนใหญ่ ต้องนำเข้าจากต่างประเทศ โดยเฉลี่ยแล้ว ทอลเลอร์ถูกเพาะพันธุ์ เพียงไม่กี่พันตัวต่อปีทั่วโลก ซึ่งต่างจากโปรตุกีส วอเตอร์ด็อก ตามข้อมูล ประวัติ สุนัขน้ำโปรตุเกส หรือลาบราดอร์ที่มีการเพาะนับแสนตัว
จำนวนจำกัดนี้เอง ที่ทำให้ราคาสูงกว่าหลายสายพันธุ์ ด้วยความที่เป็นสุนัขสีสันฉูดฉาด หล่อเหลา ดูแลง่าย ได้รับความนิยมในสนามประกวด เหมือนกลุ่มรีทรีฟเวอร์ (2025) [3] ดังนั้น ความหายากบวกการเพาะพันธุ์ที่จำกัด จึงกลายเป็นปัจจัยสำคัญ ที่ผลักดันให้ทอลเลอร์ราคาแพง
การเลี้ยงดั๊กทอลเลอร์ ไม่ได้จบแค่ราคาซื้อ เพราะยังมีค่าใช้จ่ายระยะยาว ที่สูงกว่าสุนัขทั่วไป ค่าอาหารคุณภาพสูง สำหรับสุนัขขนาดกลาง ที่มีพลังงานสูง ตกเฉลี่ย 2,000 – 3,000 บาทต่อเดือน นอกจากนี้ ยังต้องดูแลสุขภาพและวัคซีน ซึ่งอาจอยู่ที่ 5,000 – 10,000 บาทต่อปี
ทอลเลอร์ยังต้องการการออกกำลังกาย บวกกิจกรรมกระตุ้นสมองสม่ำเสมอ ทำให้เจ้าของต้องทุ่มทั้งเวลา และงบประมาณ ภาระเหล่านี้จึงเป็นอีกด้าน ที่ทาสหมาต้องคิดรอบคอบ ก่อนจะเลือกครอบครอง สายพันธุ์สุนัขที่ราคาแพงขนาดนี้
ดั๊กทอลเลอร์อาจมีราคาซื้อ บวกค่าใช้จ่ายที่สูงกว่าสุนัขทั่วไป แต่ก็แลกมาด้วยเสน่ห์เฉพาะตัว ความฉลาด รวมถึงความผูกพันที่มอบให้เจ้าของ สำหรับทาสหมาที่พร้อมทั้งงบประมาณ เวลา และการดูแล ทอลเลอร์ถือว่าคุ้มค่าในแง่ความสุข และประสบการณ์ที่ได้รับ
ราคาของดั๊กทอลเลอร์ ไม่ได้สะท้อนเพียงความหายาก แต่ยังรวมถึงคุณลักษณะเฉพาะ ที่ทำให้พันธุ์นี้โดดเด่น กว่าสุนัขทั่ว ๆ ไป เจ้าของที่เลือกเลี้ยงจึงมองว่า ค่าใช้จ่ายเป็นการลงทุนกับความสุข บวกความผูกพันระยะยาว แต่คุณค่าที่แท้จริง ขึ้นอยู่กับความพร้อม และมุมมองของผู้เลี้ยงมากกว่า
ท้ายที่สุดแล้ว การเลี้ยงดั๊กทอลเลอร์ ไม่ได้วัดกันที่ราคาสูงหรือต่ำ แต่ขึ้นอยู่กับความสุข ที่สุนัขมอบให้เจ้าของ หลายคนยอมจ่ายแพง เพราะเชื่อว่าความรัก และสายใยที่ได้รับนั้น ประเมินค่าไม่ได้ ดังนั้น ความสุขที่แท้จริง อาจสำคัญกว่าตัวเลขราคาเสมอ สำหรับทาสหมา