
ความเป็นมา ยิวยิตสู เทคนิค ท่าทางการต่อสู้ของญี่ปุ่น
- sunflower
- 178 views
ความเป็นมา ยิวยิตสู ศิลปะการต่อสู้และป้องกันตัว ที่มีท่าทางที่อันตราย มีต้นกำเนิดมาจากญี่ปุ่น ที่ได้มีการพัฒนา และลดระดับความรุนแรงลง เพื่อให้ผู้ที่สนใจสามารถฝึกฝน เรียนรู้เกี่ยวกับเทคนิค ท่าทางต่าง ๆ เพื่อนำไปใช้ป้องกันตัวเอง หรือ พัฒนาเป็นนักกีฬา ในระดับมืออาชีพต่อไป
ยิวยิตสูเป็นศิลปะป้องกันตัวของประเทศญี่ปุ่น ที่มีประวัติศาสตร์มาอย่างยาวนาน ตั้งแต่ในช่วงปี ค.ศ. 1333-1573 โดยปกตินักรบซามูไรในญี่ปุ่น จะนิยมใช้ดาบในการต่อสู้ ร่วมกับอาวุธชนิดอื่น ๆ แต่ยิวยิตสู เป็นวิถีป้องกันตัว โดยไม่ใช้อาวุธใด ๆ เป็นเทคนิคการต่อสู้ ที่ได้ผนวกเอาการเตะ ต่อย การกดล็อกคู่ต่อสู้ การหักแขน-ขา และการรัดคอเข้าด้วยกัน
จึงทำให้ยิวยิตสู เป็นการป้องกันตัวที่มีท่าทางที่อันตราย ทำให้ไม่ค่อยได้รับความนิยมมากนัก ต่อมาจึงได้มีการพัฒนา บราซิเลียน ยิวยิตสู ที่มีรูปแบบการต่อสู้คล้าย มวยปล้ำ ที่เน้นการต่อสู้ในท่านอน การจับทุ่ม และการล็อกข้อต่าง ๆ เพื่อให้คู่ต่อสู้เคลื่อนไหวได้ช้าลง และเริ่มได้รับความนิยมในการฝึกฝนอีกครั้ง
ได้มีการบรรจุศิลปะการต่อสู้ยิวยิตสู เข้าสู่มหกรรมกีฬา ในรายการเอเชียน มาร์เชียล อาร์ต เกมส์ 2009 เป็นครั้งแรก โดยประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ หลังจากนั้น ยิวยิตสูก็ได้กลายเป็นกีฬา ที่ถูกจัดให้มีการแข่งขันขึ้น ในมหกรรมกีฬาต่าง ๆ ทั่วโลก
ที่มา:ยิวยิตสู ศิลปะป้องกันตัว ทางเลือกสุขภาพที่ดี [1]
ยิวยิตสู หรือ จูจุสึ (ในภาษาญี่ปุ่น) เป็นกีฬาที่ได้มีการฝึกฝน และสืบทอดส่งต่อกันมา ตั้งแต่ในอดีต มีการพัฒนาและเผยแพร่ไปทั้งในและนอกประเทศญี่ปุ่น โดยการต่อสู้แบบจูจุสึดั้งเดิม คือ การโจมตี หัก ล็อก และทุ่ม จะเรียกกันว่า “นิฮอน จูจุสึ” (Nihon jūjutsu) ส่วนจูจุสึที่มีการพัฒนามาจากบราซิล จะเรียกว่า บราซิลเลี่ยน จูจุสึ (Jiu-jutsu) โดยที่บราซิลเลี่ยน จูจุสึ จะเน้นการต่อสู้ในท่านอนมากกว่า
การต่อสู้แบบจูจุสึของญี่ปุ่น สามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภท ได้แก่ จูจุสึแบบโบราณ คือ จูจุสึในสำนักที่ได้มีการพัฒนามาจากสมัยยุคสงคราม และ จูจุสึสมัยใหม่ คือ จูจุสึที่เกิดขึ้นหลังยุคเมจิ โดยมีการพัฒนาขึ้นใหม่ จากรากฐานจูจุสึแบบดั้งเดิม
ที่มา: ยิวยิตสู [2]
อย่างที่กล่าวไปในส่วนของประวัติยิวยิตสู ต้องยอมรับเลยว่า ศิลปะการต่อสู้และป้องกันตัวแบบยิวยิตสู เป็นวิธีการต่อสู้มือเปล่า ที่ประกอบด้วยท่าทางที่ค่อนข้างอันตราย เน้นการล็อก หักข้อ ทุ่ม กด และรัดคอ หากเกิดการพลาดพลั้ง อาจส่งผลให้ผู้เล่นเกิดการเจ็บตัวแบบรุนแรงได้ ดังนั้นในการฝึกซ้อม จึงมีข้อควรระวังดังนี้
อุปกรณ์ป้องกัน
-ฟันยาง
-ถุงมือฝึก
-อุปกรณ์พยุงเข่า
-หมวกกันน็อก
-แผ่นยางปูพื้น / แผ่นกันกระแทก
ข้อควรระวังในการฝึก
หาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ ยิวยิตสู: ศิลปะการต่อสู้ที่สร้างร่างกายแข็งแรง ได้ที่ homefittools
จุดเน้นที่แตกต่าง
ยิวยิตสูจะเน้นต่อสู้บนพื้น และการจับล็อก โดยวิธีการจับคู่ต่อสู้ทุ่ม ไม่จำเป็นต้องคำนึงถึงท่วงท่าที่สวยงาม แต่เพียงทำอย่างไรก็ได้ ให้คู่ต่อสู้ลงพื้นได้ก็พอ เพราะการต่อสู้ที่แท้จริง จะเริ่มเมื่อฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งพลาดตกนอนบนพื้น
ยูโด จะเน้นไปที่การยืนและการทุ่ม คือ การทำให้คู่ต่อสู้ล้มลงอย่างหนักในท่วงท่าที่สวยงาม
การให้คะแนน
ยิวยิตสูจะใช้ระบบการให้คะแนนแบบสะสม ทำให้นักกีฬาใช้เวลาในการแข่งขันที่นานกว่ายูโด เนื่องจากต้องสะสมคะแนน และหาจังหวะจับล็อกคู่ต่อสู้ เพื่อให้จบการแข่งขัน
ยูโดให้คะแนนจาก การทุ่มที่สมบูรณ์แบบ (Ippon) ที่คล้ายกับการชนะน็อกในมวย ซึ่งจะทำให้ผู้เล่นที่ทำ Ippon ได้ เป็นผู้ชนะในเกมทันที
เครื่องแต่งกาย
ชุดของยิวยิตสู จะมีความบางและยืดหยุ่นกว่า เพื่อให้ผู้สวมใส่สามารถเคลื่อนไหวบนพื้นได้อย่างคล่องตัว
ชุดของยูโดจะมีความหนา เนื่องจากถูกออกแบบมาเพื่อ ป้องกันการเกิดอาการบาดเจ็บ และเพื่อให้ทนต่อการจับและการทุ่ม จากคู่ต่อสู้
ที่มา: ยิวยิตสูคืออะไร ประโยชน์ของการฝึกยิวยิตสู เล่นและซ้อมที่ไหน [3]
สรุปแล้ว ความเป็นมา ยิวยิตสู กิจกรรมที่เป็นมากกว่าการต่อสู้ หรือการออกกำลังกาย แต่เป็นวิถีแห่งการพัฒนาตัวเอง เป็นกิจกรรมที่มีประโยชน์ต่อทั้งร่างกายและจิตใจ เสริมสร้างความแข็งแกร่ง ความยืดหยุ่น ช่วยพัฒนาสมาธิ ทำให้ผู้ฝึกฝนมีความมั่นใจ และสามารถควบคุมอารมณ์ตัวเองได้ เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจ สำหรับคนที่ต้องการดูแลสุขภาพ
ไม่จำเป็น เพราะยิวยิตสู เป็นศิลปะการต่อสู้ ที่ถูกออกแบบและพัฒนา เพื่อให้ทุกคนสามารถเรียนรู้ได้ตั้งแต่พื้นฐาน
สำหรับผู้ที่สนใจอยากฝึกการต่อสู้ชนิดนี้ ควรทำการตรวจสุขภาพเบื้องต้น เตรียมอุปกรณ์ให้พร้อม และศึกษากฎระเบียบที่เกี่ยวข้องกับยิวยิตสู ให้เข้าใจอย่างแท้จริงเสียก่อน