แหล่งรวมเกมส์ชั้นนำ สล็อต คาสิโน บาคาร่า พร้อมระบบล้ำทันสมัย รวดเร็วทันใจ

ข้อมูลพื้นฐาน โบว์ลิ่ง ฉบับมือใหม่หัดเล่น

ข้อมูลพื้นฐาน โบว์ลิ่ง

ข้อมูลพื้นฐาน โบว์ลิ่ง กีฬาที่เหมาะกับคนทุกเพศ ทุกวัย เป็นที่นิยมในกลุ่มผู้คนที่ชื่นชอบการเล่นกีฬาในร่ม โดยกีฬาชนิดนี้ จะมุ่งเน้นไปที่การใช้ทักษะ มากกว่าการใช้พละกำลัง ดังนั้นโบว์ลิ่ง จึงเป็นอีกหนึ่งกีฬาที่เหมาะสมสำหรับคนที่ต้องการเล่นกีฬาเพื่อผ่อนคลายอย่างแท้จริง

  • ประวัติกีฬาโบว์ลิ่ง
  • ข้อบังคับพื้นฐานในการโยนโบว์ลิ่ง
  • การเตรียมตัวสำหรับนักโบว์ลิ่งมือใหม่

ความเป็นมาของกีฬาโบว์ลิ่ง

กีฬาโบว์ลิ่ง มีการเริ่มเล่นกันเมื่อประมาณ 5,000 ปีก่อนคริสต์ศักราช โดยการเล่นกีฬาชนิดหนึ่งของชาวอียิปต์ ที่ใช้ไม้เป็นแกน และลูกหินกลมๆ ในการกลิ้งหินไปทอยแกนให้ล้ม และต่อมาประมาณปี ค.ศ. 400 ได้มีการเล่นกีฬาที่เรียกว่า “เคเกล” ในประเทศเยอรมนี ซึ่งนักบวชเยอรมันถือเคเกล เป็นส่วนหนึ่งของพิธีกรรมในศาสนา

คริสต์ศตวรรษที่ 16 นักเล่นเคเกล มาร์ติน ลูเทอร์ (ผู้ตั้งนิกายโปรเตสแตนต์) ได้มีการกำหนดการเล่นเคเกลขึ้น โดยให้มี 1 พิน และหลังจากนั้นกีฬาเคเกลก็ได้ถูกเผยแพร่ไปหลายประเทศในยุโรป ซึ่งชาวอังกฤษได้นำเคเกลไปดัดแปลงเล่นบนสนามหญ้า และเรียกว่า “โบว์ลิ่งสนาม”

ต่อมาในปี พ.ศ. 2166 ได้มีการเปลี่ยนแปลงโบว์ลิ่งจากกีฬาเล่นกลางแจ้ง มาเป็นกีฬาในร่ม และมีการสร้างสถานโบว์ลิ่งขึ้นเป็นครั้งแรก และมีการเพิ่มพินขึ้นให้เป็น 10 พิน แล้วเรียกกีฬาชนิดนี้ว่า “โบว์ลิ่ง” ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

ที่มา: โบว์ลิ่ง [1]

ความรู้เบื้องต้น ข้อมูลพื้นฐาน โบว์ลิ่ง

  • โบว์ลิ่ง 1 เกม จะมีทั้งหมด 10 เฟรม โดยหนึ่งเฟรม ผู้เล่นสามารถโยนบอลได้ไม่เกิน 2 ครั้ง ยกเว้นเฟรมที่ 10 ผู้เล่นจะโยนได้ไม่เกิน 3 ครั้ง ดังนั้นในหนึ่งเกม ผู้เล่นจะโยนได้ทั้งหมด 20-21 ครั้ง
  • กีฬาโบว์ลิ่ง มีพินทั้งหมด 10 พิน ซึ่งจะตั้งวางเรียงกันเป็นรูปสามเหลี่ยม
  • การสไตรค์ คือการโยนครั้งแรกแล้วสามารถทำให้พินทั้ง 10 พินล้มได้ทั้งหมด
  • กรณีที่ผู้เล่นทำสไตรค์ได้ จะได้รับ 10 คะแนน แล้วนำไปรวมกับคะแนนในการโยนอีก 2 ครั้งถัดไป
  • การสแปร์ คือการทำให้พินทั้ง 10 พิน ล้มได้ทั้งหมดในการโยน 2 ครั้ง และนำคะแนนโบนัสจากการโยนอีกหนึ่งครั้งมาบวกรวมด้วย
  • การ Open คือการโยนลูกครบทั้ง 2 ครั้งแล้ว แต่พินในสนามยังล้มลงไม่หมด
  • สำหรับคะแนนในการแข่งขันโบว์ลิ่ง คะแนนสูงสุดอยู่ที่ 300 คะแนน/ 1 เกม

กฎและข้อบังคับในการโยนโบว์ลิ่ง

  • 10 เฟรมในเกม
    กีฬาโบว์ลิ่ง ในแต่ละเกมจะมี 10 เฟรม โดยใน 1 เฟรม ผู้เล่นต้องกลิ้ง 1 รอบ (กลิ้งได้สูงสุด 2 ครั้ง) และในเฟรมที่ 10 ผู้เล่นจะกลิ้งได้มากสุด 3 ครั้ง ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับว่า ผู้เล่นประสบความสำเร็จในการกลิ้ง 2 ครั้งแรก มากน้อยเพียงใด
  • โยน 2 ลูกต่อเฟรม
    อย่างที่กล่าวไป ว่าผู้เล่นสามารถโยนลูกได้มากสุด 2 ครั้ง/เฟรม ซึ่งถ้าโยนได้สไตรค์ จากลูกแรกของเฟรม จะถือว่าเทิร์นของผู้เล่นได้สิ้นสุดลงแล้ว
  • คะแนนสูงสุดคือ 300
    ในการแข่งขันโบว์ลิ่ง ผู้เล่นสามารถทำคะแนนได้สูงสุด 300 แต้ม ในแต่ละเฟรมจากทั้งหมด 10 เฟรม โดยเฟรมที่ 1-9 สามารถทำสไตรค์ได้ 1 ครั้ง/เฟรม ส่วนในเฟรมที่ 10 ต้องทำ 3 สไตรค์ กล่าวสรุปคือต้องทำสไตรค์ทั้งหมด 12 ครั้ง ในเกม
  • การปล่อยลูกและเส้นฟาวล์
    ในการโยนโบว์ลิ่ง ผู้เล่นต้องปล่อยลูกจากด้านหลังเส้นฟาวล์ เพราะหากผู้เล่นโยนลูกข้ามเส้นฟาวล์ แต้มจะไม่ถูกนับ ทำให้ไม่ได้รับคะแนน
  • ลูกโบว์ลิ่งห้ามออกจากราง
    หากคุณกลิ้งลูกโบว์ลิ่งไปในราง แล้วลูกเด้งและกระแทกหมุดบางส่วน หมุดนั้นจะไม่ถูกนับเป็นคะแนน เพราะถือว่าอยู่นอกขอบเขต และเมื่อกลิ้งออกไปแล้ว การหมุนจะไม่ถูกนับ
  • รอผู้เล่นฝั่งขวาก่อนเสมอ
    หากในสนาม มีผู้เล่นมากกว่า 2 คน ที่กำลังจะโยนโบว์ลิ่งในเวลาเดียวกัน ควรให้ผู้เล่นทางขวาโยนก่อน ทั้งนี้กฎนี้ไม่ใช่กฎทางการ แต่เพื่อเป็นการป้องกันการเสียสมาธิ ที่อาจเกิดขึ้นได้ในกรณีที่โยนพร้อมกัน
  • สวมใส่รองเท้าที่เหมาะสม
    การใช้รองเท้าโบว์ลิ่งที่เหมาะสม ถือเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม เพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุ

ที่มา: Bowling Rules for Beginners [2]

โบว์ลิ่งคำนวณแต้มอย่างไร

ข้อมูลพื้นฐาน โบว์ลิ่ง

การคิดคะแนนของกีฬาโบว์ลิ่ง จะถูกคำนวณจากจำนวนพินที่ล้มในแต่ละเฟรม โดยมีคะแนนโบนัสเพิ่มเติมจากการสไตรค์และสแปร์

  • การให้คะแนนพื้นฐาน
    เฟรมแต่ละเฟรม สามารถพิมพ์ได้มากสุด 2 ครั้ง โดยพินที่ล้มลงในทั้ง 2 ม้วน จะถูกนำไปเพิ่มคะแนนลงในเฟรมนั้น ยกเว้นว่าจะเกิดการสไตรค์หรือสแปร์
  • โจมตี
    กรณีที่คุณล้มพินทั้ง 10 ตัวลงได้บนม้วนแรกของรอบ เราเรียกว่า การสไตรค์ ซึ่งในการสไตรค์คุณจะได้รับคะแนน 10 คะแนน แล้วนำมาบวกกับผลรวมของการหมุน 2 ครั้งถัดไป
  • สำรอง
    กรณีที่คุณล้มพินทั้งหมด 10 ตัว ลงได้โดยใช้ 2 ม้วน เราเรียกว่าการสแปร์ และคุณจะได้รับคะแนนจากการสแปร์ 10 คะแนน บวกรวมกับผลรวมของการหมุน ครั้งต่อไป
  • เปิดเฟรม
    หากคุณไม่สามารถล้มหมุดทั้งหมด 10 ตัวในเฟรมด้วยลูกกลิ้ง จะทำให้เกิดเฟรมเปิด โดยการพิจารณาคะแนนของเฟรมเปิดคือ คำนวณจากพินที่ถูกน็อคดาวน์ในเฟรมนั้น
  • กฎของเฟรมที่ 10
    ในเฟรมที่ 10 หากคุณกลิ้งบอลได้สไตรค์หรือสแปร์ คุณจะได้รับ ม้วนพิเศษเพิ่มขึ้นอีก นั่นคือ ถ้าคุณได้สไตรค์ คุณสามารถกลิ้งบอลเพิ่มได้อีก 2 ลูก และถ้าคุณได้สแปร์ จะได้กลิ้งบอลเพิ่มอีก 1 ลูก

หาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ คำนวณแต้มในการโบว์ลิ่งอย่างไร? ได้ที่ flyingbowling

วิธีการเตรียมตัวโยนโบว์ลิ่ง สำหรับมือใหม่

สำหรับมือใหม่ที่กำลังสนใจกีฬาโบว์ลิ่ง และต้องการเรียนรู้เทคนิคในการโยน ซึ่งกีฬาชนิดนี้ เป็นกีฬาที่ผู้เล่นสามารถฝึกฝนเทคนิคได้ด้วยตัวเอง โดยมีวิธีการง่ายๆ ดังนี้

  • การเตรียมตัว
    สำหรับการแต่งตัว ผู้เล่นควรแต่งกายให้มิดชิด เพื่อจะได้เคลื่อนไหวร่างกายได้อย่างสะดวก ซึ่งเครื่องแต่งกายที่สำคัญที่สุดคือ รองเท้า เพราะสนามโบว์ลิ่งมีความลื่น ดังนั้นการเลือกรองเท้าสำหรับการโยนโบว์ลิ่งโดยเฉพาะจึงเป็นสิ่งจำเป็น
  • จุดยืนในการโยน
    บนพื้นของลานโบว์ลิ่ง จะมีเส้นฟาวล์ที่มองเห็นได้ชัดเจน ดังนั้นในการโยน ควรยืนไม่ให้เหยียบเส้น หรือ ไกลจากเส้นฟาวล์จนเกิดไป
  • จังหวะการเดิน
    การโยนโบว์ลิ่งที่ดี เริ่มตั้งแต่ก้าวแรก ดังนั้นคนส่วนใหญ่มักจะก้าวเท้าประมาณ 3-5 ก้าว โดยในการก้าวเท้าจะต้องทำให้เป็นจังหวะที่สม่ำเสมอ และต้องสัมพันธ์กับการเหวี่ยงแขนเพื่อโยนลูกโบว์ลิ่ง
  • การออกแรงเพื่อโยนลูกโบว์ลิ่ง
    ในการโยนลูกโบว์ลิ่ง ไม่จำเป็นต้องออกแรงที่มากเกินไป เพราะอาจทำให้การโยนเกิดการเสียทิศทางได้ ดังนั้นควรฝึกฝน เพื่อให้ออกแรงได้พอดีและเหมาะสม
  • การจับบอล
    ก่อนการโยนบอลแต่ละครั้ง ผู้เล่นควรจับบอลขึ้นและยืนในท่าที่มั่นคง และล็อกข้อมือไว้ที่บอลในจุดเดียว เพราะถ้าผู้เล่นมีการเปลี่ยนข้อมือนั้นหมายถึง ผู้เล่นพร้อมที่จะปล่อยบอลแล้วเท่านั้น
  • ลักษณะของวงสวิง
    สำหรับวงสวิงนั้น ขึ้นอยู่กับความถนัดของแต่ละบุคคล แต่ในจังหวะการปล่อยลูกนั้น ลูกบอลควรตั้งฉากกับพื้นแบบพอดี ซึ่งการบังคับทิศทางของลูกโบว์ลิ่งนั้น จะขึ้นอยู่กับการใช้ข้อมือของผู้โยนเท่านั้น

เล่นโบว์ลิ่ง ได้ประโยชน์อะไรบ้าง

โบว์ลิ่งเป็นกีฬาที่ช่วยให้คุณสามารถใช้เวลาในการสร้างความสุข สนุกสนาน กับผองเพื่อนได้ในวันหยุด หรือเวลาว่าง ซึ่งการเล่นกีฬาชนิดนี้ที่นอกจากจะได้ความสนุกสนานแล้ว ยังมีประโยชน์ต่อตัวผู้เล่นอีกมากมายดังต่อไปนี้

  • ส่งเสริมมิตรภาพ
    โบว์ลิ่งเป็นกิจกรรมที่ช่วยเสริมสร้างความสัมพันธ์และมิตรภาพ เพราะส่วนมาก บริษัทต่างๆมักจะใช้กิจกรรมโบว์ลิ่ง ในการเสริมสร้างทีม
  • ช่วยคลายเครียด ทำให้ผ่อนคลาย
    โบว์ลิ่งถือเป็นอีกหนึ่งกิจกรรม ที่ผู้คนมักจะใช้เป็นตัวเลือกในการผ่อนคลาย จากการทำงานที่เหนื่อยล้ามาทั้งวัน
  • เพิ่มความมั่นใจ
    กีฬาโบว์ลิ่ง ช่วยให้คุณเกิดแรงจูงใจในการพัฒนาทักษะของตัวเอง เพื่อให้คุณเกิดความมั่นใจ และเกิดการไม่หยุดที่จะพัฒนาอย่างต่อเนื่อง
  • ช่วยในการควบคุมตัวเอง
    ในการแข่งขันโบว์ลิ่งแบบเป็นทีม การทำกิจกรรมนี้ จะช่วยให้คุณเรียนรู้ที่จะควบคุม ความโกรธ หงุดหงิด ของตัวเอง ทำให้คุณเห็นความสำคัญของกฎเกณฑ์ เพราะต้องอยู่ในกติกาของกิจกรรม ที่มีกฎเกณฑ์เฉพาะตัว
  • ส่งเสริมสุขภาพ
    ในการเล่นโบว์ลิ่ง จะช่วยในการปรับปรุงอารมณ์ ทำให้คุณนอนหลับได้สนิท ช่วยลดอัตราการอยู่เฉยๆ พร้อมป้องกันโรคต่างๆ
  • เผาผลาญแคลอรีที่ไม่จำเป็น
    รู้หรือไม่ว่า การโยนโบว์ลิ่งนั้น สามารถช่วยเผาผลาญแคลอรีได้ถึง 200-280 แคลอรี / 1 ชั่วโมง จึงทำให้การลดน้ำหนัก หรือการออกกำลังกายของคุณไม่น่าเบื่อ

ที่มา: The 10 benefits of bowling [3]

กล่าวโดยสรุป ข้อมูลพื้นฐาน โบว์ลิ่ง

กล่าวโดยสรุป ข้อมูลพื้นฐาน โบว์ลิ่ง กีฬาในร่มที่ได้รับความนิยมจากผู้คนมากขึ้นเรื่อยๆ สามารถเล่นเพื่อการผ่อนคลาย หรือเพื่อการออกกำลังกาย เป็นกีฬาที่มีประวัติความเป็นมายาวนาน โดยมีการพบว่า เริ่มมีการเล่นกีฬาชนิดนี้ ตั้งแต่ 5,200 ปีก่อนคริตส์ศักราช ยาวนานมาจนถึงปัจจุบัน จึงเป็นอีกหนึ่งกีฬาที่น่าสนใจมากเป็นอันดับต้นๆ เลยก็ว่าได้

การเล่นโบว์ลิ่งถือเป็นการออกกำลังกายหรือไม่?

ใช่ เพราะในการเล่นโบว์ลิ่งแต่ละครั้ง ร่างกายเราจะเผาผลาญแคลอรีได้มากถึง 200-250 แคลอรี / ชั่วโมง

ในการแต่งกายเพื่อเล่นโบว์ลิ่ง สิ่งใดสำคัญที่สุด?

รองเท้า เนื่องจากสนามโบว์ลิ่งมีความลื่น ดังนั้นการเลือกรองเท้าในการเล่นโบว์ลิ่งโดยเฉพาะ จึงสำคัญที่สุด เพื่อป้องกันการเกิดอันตราย

Facebook
Twitter
Telegram
LinkedIn
ข้อมูลผู้เขียน

แหล่งอ้างอิง