แหล่งรวมเกมส์ชั้นนำ สล็อต คาสิโน บาคาร่า พร้อมระบบล้ำทันสมัย รวดเร็วทันใจ

การเตรียมตัว วิ่งแข่ง ข้อควรรู้ ประเภท สำหรับมือใหม่

การเตรียมตัว วิ่งแข่ง

การเตรียมตัว วิ่งแข่ง กีฬาที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในปัจจุบัน ซึ่งการวิ่งแบ่งออกได้หลายประเภท และ หลายระยะทาง สำหรับผู้ที่ต้องการเริ่มวิ่งเพื่อการออกกำลังกาย ควรศึกษาหาข้อมูลเกี่ยวกับการวิ่ง และเตรียมร่างกายให้พร้อม เพื่อให้คุณได้สนุกกับการวิ่งได้อย่างเต็มที่

  • ที่มาของการวิ่ง
  • การเตรียมตัวสำหรับการวิ่ง
  • ประเภทของการวิ่ง

ความเป็นมาเกี่ยวกับ การวิ่ง

การวิ่งคือ การใช้เท้าเคลื่อนที่อย่างรวดเร็วบนพื้นดิน ทั้งของมนุษย์และสัตว์ เป็นอีกหนึ่งกีฬา ที่ได้รับความนิยม โดยการวิ่งจะเป็นการเคลื่อนที่ ที่มีความเร็วในจุดที่ทั้ง 2 เท้า อยู่เหนือพื้นในขณะเดียวกัน ซึ่งจะมีความเร็วที่แตกต่างกันออกไป เริ่มจากการจ๊อกกิ้ง ไปจนถึงการวิ่งระยะไกล

มนุษย์เริ่มรู้จักการวิ่งเพื่อใช้ในการล่าสัตว์ มาตั้งแต่ 4.5 ล้านปีก่อน และได้มีการพัฒนาการวิ่งมาเรื่อย ๆ จนกระทั่งได้มีการแข่งขันวิ่ง ในงานด้านศาสนาในหลายพื้นที่ โดยการแข่งขันวิ่ง ที่ได้รับการบันทึกไว้ คือ Tailteann Games ที่ไอร์แลนด์ 1829 ก่อนคริสตกาล และในขณะที่การวิ่งแข่งขันโอลิมปิกโบราณ เกิดขึ้นครั้งแรก เมื่อ 776 ปีก่อนคริสตกาล

ที่มา: การวิ่ง [1]

การเตรียมตัวสำหรับนักวิ่งมือใหม่

สำหรับมือใหม่ ที่อยากเริ่มวิ่ง จำเป็นที่จะต้องมีความรู้เกี่ยวกับการวิ่ง และสุขภาพร่างกายของตัวผู้วิ่ง ดังนั้นวันนี้เรามีแนวทางแนะนำ สำหรับนักวิ่งมือใหม่ มาฝากกันค่ะ

การพบแพทย์ก่อนวิ่ง
สำหรับนักวิ่งมือใหม่นั้น การพบแพทย์เพื่อประเมินศักยภาพร่างกาย และเตรียมตัวเองให้พร้อม สำหรับการวิ่งนั้น ถือเป็นสิ่งที่สำคัญและห้ามมองข้าม ควรตรวจร่างกายเพื่อให้แน่ใจว่า คุณมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง ไม่มีโรคประจำตัว หรือสาเหตุอื่นๆ ที่อาจเป็นอุปสรรคต่อการวิ่ง หรือ อาจทำให้เกิดอันตรายและการบาดเจ็บได้

สำหรับการวิ่งครั้งแรก
สำหรับผู้ที่กำลังเริ่มต้นวิ่ง ควรเริ่มวิ่งและตั้งเป้าหมายการวิ่งแบบค่อยเป็นค่อยไป ไม่ควรหักโหมจนเกินกำลัง โดยควรเริ่มจากการเดินหรือเดินสลับวิ่งประมาณ 30 นาที/ครั้ง สัปดาห์ละ 3-5 วัน เมื่อเริ่มวิ่งจนคล่อง ค่อยขยับเป้าหมายมาเป็นการวิ่งแบบ Fun Run หรือ 5K แล้วค่อยเพิ่มระยะทางไปเรื่อย ๆ ตามความเหมาะสม

ข้อควรรู้และปฏิบัติก่อนลงวิ่ง

  • การเลือกรายการวิ่งและการเตรียมแผนฉุกเฉิน
    ควรเลือกการวิ่งในงานที่มีมาตรฐาน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องระบบ ระยะทาง สภาพเส้นทางที่จะต้องวิ่ง รวมถึงสิ่งอำนวยความสะดวกและความปลอดภัย
  • เลือกรองเท้าที่เหมาะสม
    ควรเลือกรองเท้าที่เข้ากับรูปเท้า สามารถรองรับแรงกระแทกได้ดี เพื่อเพิ่มความสะดวกและทำให้คุณวิ่งได้แบบกระฉับกระเฉง รวมถึงเป็นการช่วยลดความเสี่ยงจากอันตราย หรือ การเกิดแผลที่เท้าในขณะวิ่ง
  • งดดื่มแอลกอฮอล์
    ควรงดดื่มแอลกอฮอล์อย่างน้อย 24 ชม. ก่อนการวิ่ง เพื่อลดการเกิดอันตรายในขณะที่วิ่ง รวมถึงแนะนำให้ทานอาหารล่วงหน้าอย่างน้อย 1-2 ชม. ก่อนการเริ่มวิ่ง เพื่อเป็นการเพิ่มพลังงานให้กับร่างกาย
  • การ Warm-up ร่างกาย
    ก่อนการวิ่งทุกครั้ง ผู้วิ่งควรทำการอบอุ่นร่างกาย และยืดเหยียดกล้ามเนื้อทุกครั้ง
  • ดื่มน้ำให้เพียงพอ
    การดื่มน้ำให้เพียงพอก่อนการวิ่งนั้น เป็นการป้องกันอาการร่างกายขาดน้ำ โดยอาจดื่มน้ำสลับกับน้ำเกลือแร่ทุกๆ 15-20 นาที ในระหว่างการวิ่ง เพื่อลดความกระหาย

ที่มา: อยากเริ่มวิ่ง…ต้องเตรียมตัวอย่างไร? [2]

การวิ่งแบ่งออกเป็นกี่ระยะ

การเตรียมตัว วิ่งแข่ง

การวิ่งระยะสั้น
เป็นการวิ่งในระยะทางตั้งแต่ 50 เมตร แต่ไม่เกิน 400 เมตร เป็นการวิ่งที่ต้องอาศัยฝีเท้าและการแกว่งแขนที่สัมพันธ์กัน โดยสิ่งที่สำคัญคือ ท่าตั้งต้นก่อนการวิ่ง แนะนำให้ผู้วิ่งทำมุม 75-80 องศา ในการวิ่ง เพื่อการวิ่งที่ดีและมีประสิทธิภาพ

การวิ่งระยะกลาง
เป็นการวิ่งในระยะ 800 เมตร และระยะ 1,500 เมตร โดยการวิ่งระยะนี้ อาศัยความเร็วและความทนทาน ซึ่งนักกีฬาที่เริ่มฝึกจากการวิ่งระยะสั้น สามารถผันตัวมาวิ่งในระยะกลางได้ แต่ต้องฝึกในเรื่องความทนทานมากขึ้น ต้องรู้ว่าควรใช้กำลังวิ่งอย่างไรในตลอดเส้นทาง ความสัมพันธ์ระหว่างจังหวะการก้าวเท้าและการแกว่งแขน การผ่อนและเร่งกำลัง เพื่อให้เข้าถึงเส้นชัย

การวิ่งระยะไกล
เป็นการวิ่งในระยะทางตั้งแต่ 3,000 เมตรขึ้นไป ซึ่งจังหวะในการวิ่ง การก้าวขา และการแกว่งแขน ถือเป็นสิ่งสำคัญในการวิ่งระยะไกล เนื่องจากเป็นการวิ่งที่ค่อนข้างจะใช้เวลานาน ดังนั้นผู้วิ่งจะต้องอาศัยความอดทน และการรู้จังหวะการใช้กำลัง เพื่อพาตัวเองเข้าสู่เส้นชัย

ที่มา: มารู้จักกับการวิ่ง [3]

การแข่งวิ่ง 5 ประเภท

สำหรับในการแข่งขันวิ่งนั้น ผู้วิ่งสามารถเลือกประเภทของการวิ่งได้ตามความเหมาะสมกับสุขภาพและร่างกาย โดยการวิ่งจะแบ่งออกเป็น 5 ประเภทหลัก ๆ โดยจะเรียงจากการวิ่งแบบสบาย ๆ ไปจนถึงการวิ่งแบบเข้มข้น ดังนี้

  • การวิ่งแบบ Fun run
    เป็นการวิ่งที่เรียกกันโดยทั่วไปว่า เดิน-วิ่งเพื่อการกุศล ในระยะทางไม่เกิน 5 กม. เป็นประเภทที่เหมาะสำหรับผู้วิ่งที่กำลังเริ่มต้นใหม่ เพราะการวิ่งในระยะนี้ จะช่วยให้ร่างกายรู้สึกสนุกสนานมากกว่าเหนื่อยล้า มักจะเป็นการวิ่งเหยาะ ๆ การเดินสลับวิ่งไปเรื่อย ๆ
  • มินิ มาราธอน
    เป็นเหมือนสนามซ้อมก่อนการลงวิ่งแบบจริงจัง ซึ่งการวิ่งประเภทนี้ จะมีระยะทางการวิ่งอยู่ที่ 10 กิโลเมตร เป็นการวิ่งเพื่อสุขภาพ เหมาะสำหรับผู้วิ่งที่มีการฝึกซ้อมเป็นประจำ โดยการวิ่งแบบมินิมาราธอน สามารถวิ่งได้ทุกวัน เพื่อเสริมสร้างกล้ามเนื้อให้มีความแข็งแรง
  • ฮาล์ฟ มาราธอน
    เป็นการวิ่งในระยะทางครึ่งของมาราธอน โดยมีระยะทางวิ่งอยู่ที่ 21.1 กิโลเมตร เป็นเหมือนสนามทดสอบที่มีความโหดในระดับหนึ่ง ก่อนการลงวิ่งในสนามจริง ๆ ดังนั้นจึงเป็นประเภทของการวิ่งที่เหมาะสำหรับ นักวิ่งมืออาชีพ ที่มีการเตรียมความพร้อมของร่างกายมามากกว่า 10 สัปดาห์ ก่อนการลงวิ่งจริง
  • มาราธอน
    เป็นการวิ่งในระยะทาง 42.195 กิโลเมตร เป็นการวิ่งที่ต้องใช้ความอดทน มุ่งมั่น และความตั้งใจเป็นอย่างมาก ซึ่งไม่ว่าจะเป็นนักวิ่งมืออาชีพ นักวิ่งสมัครเล่น จำเป็นต้องมีการตรวจสุขภาพก่อนการลงวิ่งทุกครั้ง อีกทั้งการวิ่งมาราธอน ถือเป็นระยะทางมาตรฐานที่ใช้วิ่งกันทั่วโลก รวมถึงการใช้แข่งขันในกีฬาโอลิมปิกด้วย
  • อัลตร้า มาราธอน
    สำหรับนักวิ่งในระดับขั้น Advance เนื่องจากมีระยะทางวิ่งที่มากกว่า 42.195 กิโลเมตร เป็นประเภทการวิ่งที่เหมาะสำหรับ คนที่เคยวิ่งชนะการวิ่งแบบมาราธอนมาแล้ว และอยากพัฒนาศักยภาพด้านการวิ่งของตัวเองให้สูงขึ้นไปอีก ไม่เหมาะสำหรับนักวิ่งมือใหม่

หาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ มารู้จักการแข่งวิ่ง 5 ประเภท ได้ที่ socialmarketing

ประโยชน์จากการวิ่ง

  • ช่วยเผาผลาญไขมัน
    การวิ่งประมาณ 30-45 นาที จะช่วยให้ร่างกายเกิดการเผาผลาญไขมันส่วนเกิน เพราะหลังจากที่คุณหยุดวิ่ง ระบบเผาผลาญจะยังทำงานไปอีก 14 ชม. และเมื่อคุณวิ่งเป็นประจำ 3-5 วัน/สัปดาห์ จะทำให้คุณมีร่างกายที่แข็งแรง ลดไขมัน และควบคุมน้ำหนักได้
  • ลดภาวะไขมันอุดตันเส้นเลือด
    การออกกำลังกายด้วยการวิ่งอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลหรือไขมันในเลือด ดังนั้นการวิ่ง จึงเป็นการช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคหัวใจ เบาหวาน และไขมันอุดตันเส้นเลือดได้
  • กระตุ้นการทำงานของสมอง
    การวิ่งเป็นการช่วยกระตุ้นการเต้นของหัวใจ สามารถสูบฉีดเลือดได้ดี และทำให้เลือดและออกซิเจนไหลเวียนในสมองได้อย่างเต็มที่ เป็นผลดีต่อสมองส่วนที่ทำหน้าที่เรียนรู้และจดจำ จึงช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นอัลไซเมอร์ได้

สรุปแล้ว การเตรียมตัว วิ่งแข่ง

สรุปแล้ว การเตรียมตัว วิ่งแข่ง สำหรับผู้ที่เริ่มต้นวิ่งเป็นครั้งแรก ควรหาข้อมูลเกี่ยวกับประเภทการวิ่งที่เหมาะสม การเตรียมพร้อมของสุขภาพร่างกาย โดยเริ่มจากการฝึกวิ่งอย่างสบาย ๆ เพื่อให้ร่างกายเกิดความคุ้นชิน ก่อนที่จะเริ่มพัฒนาระดับการวิ่งไปสู่การวิ่งประเภทที่ยากยิ่งขึ้นต่อ ๆ ไป

ควรวิ่งกี่นาทีต่อวัน?

ในระยะเวลาการวิ่งที่เหมาะสมนั้น ควรวิ่งอย่างน้อย 30 นาที/วัน เพื่อให้ร่างกายเกิดการเผาผลาญได้อย่างเหมาะสม

การวิ่งเหมาะกับใคร?

การวิ่งแข่ง เป็นกีฬาที่สามารถเล่นได้ตั้งแต่เด็กไปจนถึงผู้ใหญ่ แต่สิ่งที่สำคัญคือ ต้องมีสุขภาพที่แข็งแรง ไม่เสี่ยงต่อการเกิดอาการบาดเจ็บใด ๆ ในขณะการวิ่ง

Facebook
Twitter
Telegram
LinkedIn
ข้อมูลผู้เขียน

แหล่งอ้างอิง