แหล่งรวมเกมส์ชั้นนำ สล็อต คาสิโน บาคาร่า พร้อมระบบล้ำทันสมัย รวดเร็วทันใจ

การฝึกทักษะ กาโปเอรา ศิลปะป้องกันตัวของบราซิล

การฝึกทักษะ กาโปเอรา

การฝึกทักษะ กาโปเอรา การออกกำลังกายแนวใหม่ ที่เน้นการหลีกเลี่ยง หลบหลีกการปะทะ เป็นศาสตร์แห่งการต่อสู้ที่ผสมผสานระหว่าง การเตะ เข่า ศอก เคล้าคลอร่วมกับเสียงเพลง สร้างความแข็งแรงไปพร้อมความลื่นไหล เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่ไม่เหมือนใคร

  • ความเป็นมาของกาโปเอรา
  • ประเภทของกาโปเอรา
  • การฝึกฝนกาโปเอราเพื่อเป็นผู้เล่นที่ดี

จุดเริ่มต้นของกาโปเอรา

ย้อนกลับไปในอดีต ระหว่างทหารโปรตุเกส และเหล่านักสู้มือเปล่าจากกิลอมโบ ได้มีการต่อสู้กันอยู่เนิ่นนานหลายศตวรรษ จนในปี ค.ศ.1888 ที่รัฐบาลบราซิลได้รับเอกราช จึงได้มีการประกาศ ห้ามทำการซื้อ-ขายทาส นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

โดยในอดีต ทาสเหล่านี้จะเรียกตัวเองว่า “กาโปเอริสตา (Copoeirista)” หรือผู้ฝึกฝนกาโปเอรา ซึ่งหลังจากการประกาศเลิกทาส ก็ได้หันมาใช้วิชาในทางที่ผิด มีการรวมกลุ่มกัน เพื่อทำการแย่งชิง ต่อสู้ ปล้นทรัพย์สิน จากกลุ่มพ่อค้าและชนชั้นสูง ผู้มีอิทธิพลต่างหันมาจ้างกาโปเอริสต้า เพื่อจู่โจมและชิงทรัพย์ จนกลายเป็นเหมือนเรื่องที่เกิดขึ้นปกติในบราซิล

กระทั่งในปี 1890 หลังการเกิดเหตุปล้นครั้งใหญ่ กลางนครริโอ เดอ จาเรโน ทำให้รัฐบาลบราซิล ประกาศให้การฝึกฝนกาโปเอรา กลายเป็นสิ่งต้องห้ามโดยเด็ดขาด หากผู้ใดฝืนทำการฝึกฝน จะโดนจับลงโทษ โดยไม่มีการไต่สวนใด ๆ จึงเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ พวกกาโปเอริสตาต้องใช้ชีวิตอย่างหลบ ๆ ซ่อน ๆ

ที่มา: กาโปเอย์รา [1]

การขึ้นทะเบียนเป็น Intangible Cultural Heritage

ความภาคภูมิใจ จากการต่อสู้เพื่อเอาตัวรอด ของหมู่ทาส ลูกหลานแอฟริกันพลัดถิ่น ที่ได้นำการต่อสู้แบบกาโปเอราข้ามผ่านอุปสรรคต่าง ๆ จนกระทั่งในปี ค.ศ. 2014 กาโปเอราได้รับการขึ้นทะเบียนเป็น มรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ (ICH) ของประเทศบราซิล โดย UNESCO

ทำให้ปัจจุบัน ได้มีการเปิดโรงเรียนฝึกสอนกาโปเอราขึ้นทั้งในประเทศบราซิล และต่างประเทศ เพื่อให้ผู้ที่ชื่นชอบ ด้านศิลปะการป้องกันตัว ได้เดินทางมาฝึกฝน พร้อมเป็นการส่งเสริมวัฒนธรรมของบราซิล ให้กลายเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก

ที่มา: กาโปเอรา (Capoeira) ศิลปะการต่อสู้มือเปล่าของชาวบราซิล [2]

ประเภทของท่ากาโปเอรา

กาโปเอราเป็นศิลปะการต่อสู้ ที่มีลักษณะท่วงท่าเกิดจาก การเตะ เข่า ศอก ตีลังกา และการหลอกคู่ต่อสู้ ที่ผสมผสานเข้าด้วยกัน โดยสามารถแบ่งออกได้ 2 ประเภท คือ รูปแบบที่ใช้ในการต่อสู้จริง (มีการปะทะกัน) และอีกรูปแบบคือ การใช้ในการเล่น (มีดนตรีประกอบเพิ่มความสนุกสนาน ไม่มีการปะทะ) แบ่งออกได้ 3 ประเภท ดังนี้

  • กิงกะ: ท่าพื้นฐานของกาโปเอรา ที่มีลักษณะคล้ายกับ การเต้น Footwork ที่รวมถึง การเตะในท่าทางต่าง ๆ เป็นท่าที่มีเอกลักษณ์ ที่ทำให้กาโปเอรา เป็นศิลปะการต่อสู้ที่แตกต่างจากประเภทอื่น ๆ
  • อาอู: เป็นท่าทางการเคลื่อนไหวแบบกลับหัวกลับหาง เช่น การกระโดดตีลังกา การทำท่าล้อเกวียน โดยจะเน้นไปที่การทำท่ากลางอากาศ
  • เนกาชิวา: เป็นการเคลื่อนไหวในขณะที่ร่างกายอยู่ใกล้ชิดกับพื้นมากที่สุด โดยจะช่วยให้ผู้ฝึก สามารถเคลื่อนไหว ในขณะที่ล้ม หรือกลิ้งอยู่กับพื้น ได้รวดเร็วมากขึ้น

ที่มา: ประเภทของท่าคาโปเอร่า [3]

วิธีการเป็นผู้เล่นกาโปเอราที่ดี

การฝึกทักษะ กาโปเอรา
  • ฝึกท่า “กิงกะ” เพื่อใช้ในการหลบ หรือเหวี่ยง
    ท่ากิงกะ เป็นท่าฝึกสำหรับผู้ที่กำลังเริ่มต้นใหม่ โดยให้ผู้ฝึกก้าวถอยหลัง จากนั้นปิดหน้าด้วยแขนข้างตรงข้าม ปรับตำแหน่งการยืน โดยให้ขาทั้งสองข้างขนานกัน จากนั้นก้าวถอยหลังด้วยขาอีกข้าง และทำการปิดหน้าอีกครั้ง
  • ฝึกท่า “เอสควิวา แลเทอเรทีฟ” เพื่อหลบการโจมตี
    ผู้ฝึกจะต้องยืนในลักษณะที่ให้เท้าทั้งสองข้าง ห่างกันมากกว่าความกว้างของสะโพก จากนั้นย่อตัวลง หากคุณถูกโจมตีจากด้านขวา ให้คุณดึงหน้าอกตัวเองไปที่เข้าซ้าย เพื่อเป็นการบล็อกตัวเอง ให้ยืนทรงตัว ไม่ล้มลงได้
  • ฝึกท่า “เนกาติวา นอร์มอล” เพื่อหลีกเลี่ยงการโจมตีหรือการเตะ
    เป็นท่าที่ผู้ฝึก จะต้องย่อตัวลง เพื่อปกป้องส่วนบนของร่างกาย หลีกเลี่ยงการถูกโจมตีที่ใบหน้า หรือบริเวณหน้าอก
  • โฟกัสที่ “ออ” เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกเตะจากคู่ต่อสู้
    ให้ผู้ฝึกชี้เท้าไปข้างหน้าหนึ่งข้าง แล้วหมุนเท้าอีกข้างให้เป็นมุม 45 องศา จากนั้นเอนตัวไปทางเท้าในมุม 45 องศา แล้วกลิ้งตัวเป็นล้อเกวียน
  • ฝึกท่า “ชะปา” เพื่อเตะอย่างทรงพลัง
    ให้ยกเข่าขึ้นมาบริเวณหน้าอก แล้วหมุนตัวเผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้ จากนั้นหมุนขาที่ยกขึ้น แล้วทำการเตะออกไปด้วยส้นเท้า เพื่อทำการผลักคู่ต่อสู้ออกไป

หาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ How to Be Good at Capoeira ได้ที่ wikihow

ขั้นตอนการเล่นกาโปเอรา

กาโปเอราเป็นศิลปะการป้องกัน ที่มุ่งเน้นการพัฒนาฝีมือ และทักษะของผู้เล่น มากกว่าการทำให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บ

  • กิงกะ
    เป็นท่าพื้นฐานสำหรับการฝึกฝนกาโปเอรา
  • การจู่โจม
    กาโปเอราจะจู่โจมโดยวิธีการเตะ การปัด การใช้หัวโขก อาจมีการใช้มือเป็นบางครั้ง แต่จะเน้นไปที่การใช้ศอกแทน เป็นศิลปะการป้องกันตัว ที่ใช้การเคลื่อนไหวที่แข็งแรง และความผาดโผน โดยจะมีกลยุทธ์ต่าง ๆ ในการต่อสู้เพื่อเอาชนะ จากท่าทางพื้นฐาน โดยอาศัยความสามารถและจังหวะ ในการโจมตี
  • การป้องกัน
    เน้นไปที่การหลบและการหมุน โดยทั้งนี้ขึ้นอยู่กับทิศทาง และจุดประสงค์
  • ชามาดา
    chamada มีความหมายว่า การเรียก เป็นการหยุด เมื่อผู้เล่นรู้สึกถึงอันตราย โดยส่วนมากจะเกิดใน กาโปเอราแบบอังกอล่า
  • วอลตาเอามุงดู
    volta ao mundo ความหมาย การเที่ยวรอบโลก จะเกิดขึ้นเมื่อเกมมีการหยุดชะงัก หรือการเคลื่อนไหวได้จบลง โดยผู้เล่นทั้ง 2 คน จะเดินเป็นวงกลมรอบวง ก่อนที่จะกลับเข้าสู่เกมปกติอีกครั้ง

ประโยชน์ของการฝึกกาโปเอรา

  • เพิ่มความคล่องตัว
    การฝึกกาโปเอราเป็นประจำ จะช่วยให้ผู้ฝึก มีปฏิกิริยาตอบสนองที่คล่องตัวและรวดเร็ว เนื่องจากการฝึกกีฬาชนิดนี้ ผู้ฝึกจะต้องหลบเลี่ยง หลอกล่อ และทำการโจมตีฝ่ายตรงข้ามอย่างรวดเร็ว
  • เพิ่มความยืดหยุ่น
    กาโปเอราเป็นกิจกรรมที่เน้นการเคลื่อนไหวของร่างกาย ไม่ว่าจะเป็น การโค้งงอ บิดตัว และการยืดตัว เมื่อฝึกฝนเป็นประจำ จะช่วยพัฒนาความคล่องตัวของข้อต่อและกล้ามเนื้อ
  • เพิ่มความแข็งแรงของหัวใจ
    การฝึกกาโปเอรา 1 ชั่วโมง ร่างกายจะเกิดการเผาผลาญแคลอรีประมาณ 500 แคลอรี ช่วยเพิ่มความแข็งแรงให้กับระบบหัวใจและหลอดเลือด
  • ปรับสมดุล
    การฝึกกาโปเอรา ผู้ฝึกจะต้องให้ร่างกายส่วนบนและล่าง ทำงานอย่างประสานกัน ไม่ว่าจะเป็นการทรงตัวด้วยขาข้างเดียว หรือการใช้มือข้างเดียวในการแบกรับน้ำหนัก ดังนั้นการฝึกฝนเป็นประจำ จะช่วยให้ร่างกาย เกิดความสมดุลมากยิ่งขึ้น

สรุปแล้ว การฝึกทักษะ กาโปเอรา

สรุปแล้ว การฝึกทักษะ กาโปเอรา เป็นศิลปะการป้องกันตัวของบราซิล ที่เน้นด้านการฝึกฝน และการเพิ่มทักษะ มากกว่าการโจมตี เพื่อให้เกิดการบาดเจ็บ เป็นการฝึกฝน ที่ต้องใช้กล้ามเนื้อ จังหวะ และการจัดระเบียบร่างกาย เพื่อให้ผู้ฝึกเกิดความเชี่ยวชาญ และสร้างประโยชน์ให้กับผู้ฝึกทั้งด้านร่างกาย จิตใจ ได้มากที่สุด

กาโปเอราแบบใช้ในการเล่น แบ่งออกเป็นกี่ประเภท?

แบ่งออกเป็น 3 ประเภท ได้แก่ กิงกะ อาอู และเนกาชิวา ซึ่งถือเป็นท่าพื้นฐานสำหรับการฝึกฝนศิลปะการป้องกันตัวชนิดนี้

การฝึกท่า เนกาติวา นอร์มอล เป็นการป้องกันส่วนไหน?

เป็นการป้องกันร่างกายส่วนบน โดยเน้นการป้องกันการถูกโจมตีที่ใบหน้า และบริเวณหน้าอก

Facebook
Twitter
Telegram
LinkedIn
ข้อมูลผู้เขียน

แหล่งอ้างอิง